REVIEW : Kaitou Sentai Lupinranger VS Keisatsu Sentai Patranger

ไม่บ่อยครั้งนักที่ทีมงานผู้สร้างอย่างโตเอ จะแหวกธรรมเนียมเดิมที่เคยมีมา รวมไปถึงการฉีกเนื้อหาให้แปลกออกไปจากซุปเปอร์เซนไตซีรีส์เรื่องก่อนหน้าที่เคยสร้างเอาไว้

และนี่ถือว่าเป็นความกล้าหาญเพียงไม่กี่ครั้งที่ได้บันทึกมันลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเค้า กับซุปเปอร์เซนไตซีรีส์ลำดับที่ 42 ที่มีถึงสองขบวนการในเรื่องเดียว

“ไคโตเซนไตลูแปงเรนเจอร์ VS เคย์ซัทสึเซนไตแพทเรนเจอร์”

เรื่องราวของ “ลูแปงคอลเลคชั่น” สมบัติซึ่งบรรจุพลังมหัศจรรย์เอาไว้นานับประการ โดยมันคือส่วนหนึ่งในของสะสมจาก “อาร์แซน ลูแปง” จอมโจรในตำนานที่ออกเดินทางเพื่อเสาะหามันเอาไว้มาครอบครอง

ทว่าวันหนึ่งได้มีแกงค์อาชญากรข้ามมิติ “แกงค์เลอร์” ทะลุมิติเข้ามาช่วงชิงสมบัติที่ว่าไปเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับโลกมนุษย์ และในตอนนั้นเอง กลุ่มคนสามคนที่สูญเสียคนรักไปจากการอาละวาดของแกงค์เลอร์ ก็สาบานตนว่าจะช่วงชิงลูแปงคอลเลคชั่นกลับมาให้ได้ทั้งหมด ตามที่ตำนานเคยกล่าวเอาไว้ว่าถ้าหากสมบัติทุกชิ้นกลับมาอยู่ที่เดิมเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะหวังสิ่งใดก็จะสมปรารถนา

พวกเค้าขนานนามตัวเองว่าจอมโจร “ลูแปงเรนเจอร์”

และอีกด้านองค์กรตำรวจเฉพาะกิจสาขาญี่ปุ่น ได้จัดตั้งยูนิตพิเศษขึ้นมาจากสุดยอดมือปราบสามคน โดยมีเป้าหมายในการกวาดล้างเหล่าอาชญากรแกงค์เลอร์ และรวบรวมลูแปงคอลเลคชั่นที่เป็นของกลางให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

และชื่อทีมนั้นก็คือ “แพทเรนเจอร์”

เมื่อความถูกต้องทั้งสองด้านมาพบกัน เหตุผลของใครจะมีน้ำหนักมากกว่า ระหว่างความดีที่มาจากเงามืด กับความเที่ยงธรรมที่อยู่ในแสงสว่าง

เรื่องราวการต่อสู้เพื่อแย่งชิงลูแปงคอลเลคชั่นของทั้งสองทีมก็เริ่มต้นขึ้น …

✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤

รีวิว :

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าไม่บ่อยเลยที่เราจะได้เห็นโตเอทำอะไรแปลก ๆ ออกมาแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นธีมและพล็อตที่ดูไม่ซ้ำกับ 40 กว่าเรื่องก่อนหน้า หรือการออกแบบตัวละครที่รู้สึกลงตัวกับคอนเซปท์ที่ตั้งเอาไว้

ยอมรับว่าตั้งแต่เห็นใบปิดของเล่น ความคาดหวังก็เริ่มสูงตามมาครับ เพราะซีรีส์ในหมวดซุปเปอร์เซนไตนั้นเรียกได้ว่า “แขวนอยู่บนเส้นด้าย” มาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเรทติ้งความนิยม และยอดขายที่ค่อนข้างทุลักทุเล

จนกระทั่งมันออกฉายนั่นล่ะ ความคาดหวังของผมก็ผิดไปจากที่คิด “นิดหน่อย”

เพราะหลายเสียงต่างมองไปในทางเดียวกันว่าผู้สร้างเหมือนจะเทบทไปตามความนิยมของกระแสที่ตามออกมา และดูเหมือนว่าฝั่งโจรจะได้เปรียบค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเท่ บทดราม่า รวมไปถึงปริมาณไอเท็ม (ของเล่น) ที่ได้ใช้

แต่เอาจริง ๆ ผมก็ไม่ได้มองว่ามันผิดไปจากที่คิดซักเท่าไหร่ เพราะถ้าหากใครที่เคยดูการ์ตูนหรือซีรีส์ที่มีโจรเป็นพระเอกในเรื่อง … ตำรวจมักจะเป็นตัวประกอบครับ

เหมือนจะเป็นหวยล็อคมาก็จริง แต่ถ้าติดตามกันแบบละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ความแยบยลในการซ่อนวาทะกรรมเท่ ๆ มันไปตกอยู่กับฝ่ายตำรวจซะมากกว่า ราวกับว่าฝั่งโจรได้ของดีไปใช้ก็จริง แต่ตำรวจจะได้ความหล่อในมาดพระเอกไปครองแทน

การดำเนินเรื่องนั้นแทบไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดอะไรมากนัก แต่มันมาแบบกราฟขึ้นลงแปรผันตามตารางการขายของเล่นที่ปรากฏ ความสนุกมีแบบนับตอนได้ ส่วนที่เหลือคือดูเพลิน ๆ ไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้สนุกจนน่าติดตาม

ประเด็นสำคัญที่ซ่อนเอาไว้ ดันไปยัดในพวกมูฟวี่และตอนพิเศษแทนซะงั้น อันนี้ก็ตามแผนของทีมงานเค้าล่ะครับที่จะเอาเนื้อหายิบย่อยไปทำลงแชนแนลพิเศษ เพื่อดึงผู้ชมบางส่วนไปที่นั่นตามกระแสตลาดที่มาแรงอยู่ในช่วงเวลานี้



จุดที่ผมชอบที่สุดคงจะเป็นความโดดเด่นของคาแรคเตอร์ทั้งสองฝ่ายที่ออกแบบมาได้ค่อนข้างลงตัว ยอมใจฝ่ายแคสติ้งเลยว่าคัดมาได้ตามบทเป๊ะ เพราะสิ่งที่ทำให้ผมอยากดูต่อในทุกสัปดาห์ก็เพราะคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจนั่นล่ะครับ

ต่อมาคือฉากแอคชั่นที่มาจากผู้กำกับคิวบู๊ “ฟูคุซาวะ ฮิโรฟูมิ” งานนี้ได้ปล่อยของเต็ม ๆ ซักที เพราะเราจะได้เห็นฉากแอคชั่น + งานภาพจากกล้องโดรนแบบน่าตื่นตาตื่นใจ ทั้งเทคนิคการต่อสู้แบบ Aerial Style (พลิ้วไหว) จากฝั่งลูแปงเรนเจอร์ และ Tactical Style (การต่อสู้แบบยุทธวิธี) จากฝั่งแพทเรนเจอร์ ตอนแรกที่เห็นฉากต่อสู้ผสมงานภาพจากโดรน ผมนี่ขนลุกเลย

อีกทั้งการวางบทให้ทั้งสองทีมมีลูกเล่นเข้าหากันได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านเนื้อหา … และแฟนเซอร์วิสที่ดูผ่าน ๆ แล้วก็น่าเก็บไปคิด/จิ้นต่อ (อันนี้สาววายคงเข้าใจ) เห็นว่าตามเว็บวาดรูปหรือในทวิตเตอร์ คู่ของเคย์อิจิโร่+ไคริมาแรงแซงทุกคู่ในรอบหลายปีเลยทีเดียว



ส่วนจุดด้อยของเรื่องนั้น …

คงจะเป็นบทโดยรวมที่ไม่สามารถสร้างพลังให้คนดูรู้สึกอยากติดตามแบบต่อเนื่องซักเท่าไหร่ อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการใช้มือเขียนบทอย่าง “โคมูระ จุนโกะ” ด้วยหรือเปล่า ผลงานที่ผ่านมาของเค้าก็ไม้ค่อยโดนใจแฟน ๆ ซักเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาที่สื่อนั้นค่อนไปในกลุ่มผู้ชมที่เป็นเด็กเล็กซะมากกว่า ซึ่งผู้ชมส่วนใหญ่จะควาดหวังถึงเนื้อหาที่เข้มข้น ช่วงชิงไหวพริบ หรือการเฉือนคมระหว่างสองทีม แต่ทว่าสิ่งที่เห็นก็ไม่ได้ตอบโจทย์อะไรกับผู้ชมเลยแม้แต่น้อย

หรืออาจจะเป็นเพราะสภาพการตลาดที่เปลี่ยนแปลงตามฐานผู้ชม (อันนี้เท่าที่เก็บข้อมูลมา) ทีมสร้างจะมีการวัดกระแสอยู่ตลอดครับ เช่นความนิยมของใครมาแรง บทก็จะเทไปทางด้านนั้นหรือคน ๆ นั้นเป็นพิเศษ ด้วยผลตอบรับของยอดขายที่ค่อนข้างต่ำ และความนิยมที่เอนไปทางฝั่งโจรมากกว่าตำรวจ ทำให้ทีมงานและมือเขียนบทอาจจะต้องทำงานหนักเพื่อปรับปรุงให้เข้ากับช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งก็เป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ (อันนี้คงโทษใครไม่ได้ เพราะเชื่อว่าทีมงานทำดีที่สุดละ)



โดยรวมแล้วลูแปง VS แพทเป็นซีรีส์ที่สนุก “ในระดับหนึ่ง” แต่ก็ไม่ได้มากตามความคาดหวังของผู้ชมที่ได้เห็นพล็อตเรื่องสุดแหวกในตอนแรก แต่กระนั้นก็ยังเป็นของแปลกที่ไม่ควรพลาดอยู่ดี


น่าเสียดายที่ยอดขายของเล่นครองตำแหน่ง “ต่ำที่สุดในรอบหลายปี” เพราะมันทำให้ผมนึกย้อนไปถึง “โทคุเมย์เซนไต โกบัสเตอร์” ที่โดยส่วนตัวแล้วผมชอบในความกล้าของทีมงานที่สร้างเนื้อหาแปลก ๆ ไม่ได้วนอยู่กับนินจา ไดโนเสาร์ รถ อะไรเทือกนี้ออกมา

แต่พอสร้างแหวกแนวทีไร … แม่มเจ๊งเกือบทุกทีนี่สิ

เรื่องต่อไปมันเลยเข้า Safe Zone แบบไม่ผิดคาด งัดเอาธีมอะไรก็ตามที่ขายดีมายัดลงใน “คิชิริวเซนไต ริวโซลเจอร์” ทั้งหมดเลย ก็ต้องรอชมครับว่าการเอาท่าไม้ตายมาใช้แบบนี้ จะเรียกยอดขายให้กลับมาได้อีกเหมือนที่ “จูเด็นเซนไต เคียวริวเจอร์” ทำเอาไว้ได้หรือไม่?

น่าติดตามครับ น่าติดตาม

✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤✤


“ไคโตเซนไตลูแปงเรนเจอร์ VS เคย์ซัทสึเซนไตแพทเรนเจอร์”
★★★★★★☆☆☆☆
(6/10)