Godzilla: King of the Monsters : B (เวอร์ชั่นคนทั่วไป)
หลังจากที่ Godzilla 2014 ได้สร้างเสียงบ่นต่อแฟน ๆ หนังไคจูที่รู้สึกไม่จุใจ แถมบทมนุษย์ที่ไม่ค่อยจะได้เรื่อง โดย Godzilla: King of the Monsters ได้ประกาศออกมาว่าจะซ่อมสิ่งที่ 2014 ทำผิดพลาดเอาไว้ หลังจากชมก็ต้องยอมรับว่า มันซ่อมจริง ๆ แต่แค่บางส่วนนะ (ฮา)
จุดเด่นที่สุดของหนังและกลายเป็นตัวแบกหนังทั้งเรื่องให้ผ่านพ้นไปจนจบได้ก็คือเหล่าไคจู (หรือที่ในหนังเลือกไททัน) ซึ่งยังคงให้ฟิลลิ่งถึงความยิ่งใหญ่ และการอัดฉากแอ็คชั่นไคจูตบกันเสมือนชำระบาปที่ 2014 ทำให้แฟน ๆ แอบเคืองใจ ฉะนั้นสาระของหนังทั้งเรื่องคือการปลุกไคจู ไคจูมาตบกัน แบบเน้น ๆ ไม่ต้องกั๊กอะไร แม้ว่าฉากจะมืดแต่ก็ไม่ได้มืดจนดูไม่ออกว่าทำอะไรกัน (อาจมีบางช่วงที่งง ๆ เพราะซัดกันมั่วซั่วอยู่) เรียกว่าเป็นกลิ่นอายแบบหนัง Godzilla ยุค TOHO แบบชัดเจนมาก ใครที่เป็นแฟนซีรีส์นี้มานานจะฟินแบบสุด ๆ เพราะว่าอารมณ์ ฟิลลิ่งทั้งหมดถูกใส่มาเหมือนหนัง Godzilla ของญี่ปุ่นจริง ๆ รวมถึง Easter Egg ต่าง ๆ ที่ใส่มาได้ชาญฉลาด การเล่นมุมกล้องและสีในฉากที่สวยงาม และธีมเพลงที่เป็นพระเอกอีกคนซึ่งช่วยให้แฟน ๆ Godzilla น้ำตาคลอเบ้าได้ง่าย ๆ
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ฉุดให้หนังดิ่งลงยังคงเป็นปัญหาเดิม ๆ ที่แก้ไม่ได้ (หรือไม่คิดจะแก้) ใน Monsterverse นั่นคือบทของมนุษย์ เอาจริง ๆ แล้วผมรู้สึกคลิกบทของกลุ่มตัวละครหลักพ่อแม่ลูกในหนังภาคนี้มากกว่าบทมนุษย์หลักของภาคแรก แต่มันไม่ได้มีเวลาที่เราจะอินมากมายขนาดนั้น กลับกันในส่วนตัวละครอื่น ๆ มันดูน่ารำคาญ มุกตลกสุดฝืด จนเสมือนคำกล่าวที่คุณเห็นในตัวอย่างว่า มนุษย์คือเชื้อโรคร้าย เป็นความจริงและอยากให้เหล่าไคจูจับกินให้หมด
แต่สิ่งที่แย่กว่าบทมนุษย์และดูจะแย่กว่า 2014 นั่นคือบทของหนัง บทมันแย่มากกกกกกกกกกกก สาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวจับต้องไม่ได้ เหมือนคิดอะไรไม่ออกก็จับยัด ๆ เพื่อหมันไปสู่ฉากไคจูตีกัน ซึ่งมันส่งผลให้อารมณ์ร่วมฉากไคจูตบกันไปไม่สุดด้วยส่วนหนึ่ง เพราะบทมันแย่แบบจริงจัง ยิ่งรวมกับบทช่วงมนุษย์ที่แย่ ๆ มันจะกลายเป็นความน่าเบื่อสุดทนเลยแหละ
สรุป Godzilla: King of the Monsters คือหนังซีรีส์ Godzilla ของอเมริกันภาคแรกที่สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของหนัง Godzilla ที่ TOHO สร้างได้อย่างจริง ๆ เป็นภาคแรก การที่ให้มันเน้นไคจูและไคจูตบกันมันทำให้แฟน Godzilla ได้ฟินกับสิ่งที่รอคอยมานานและมันทำได้ดีเสียด้วย แต่น่าเสียดายที่บมทมนุษย์ยังคงเป็นปัญหาของหนังจักรวาลนี้ และบทที่แย่พอสมควร มันทำให้หนังไม่ได้สุดยอดอย่างที่หวังเอาไว้เท่าไหร่นัก หากคุณเป็นแฟน Godzilla คุณพลาดหนังเรื่องนี้นับว่าคุณทำผิดมหันต์ แต่หากไม่ใช่และไม่ได้ผูกพัน มันไม่ใช่หนังที่น่าแนะนำเสียเท่าไหร่
Godzilla: King of the Monsters : SSS (เวอร์ชั่นติ่ง Godzilla)
เป็นเวลากว่า 16 ปีแล้วที่เราไม่ได้เห็นการปะทะกันของไคจูระดับตำนานใน Godzilla (ไม่นับ Planet Eater) การได้เห็นพวกมันในจอใหญ่ก็คิดว่ามีความสุขแล้ว แต่ที่น่าประทับใจคือในที่สุด Hollywood ก็เข้าใจตัวเองแล้วว่าการทำหนัง Godzilla ที่แท้จริงมันควรทำอย่างไร
การปรากฏตัวของไคจูในเรื่องเรียกว่าน่าขนลุก สวยงาม และสื่อถึงต้นฉบับของพวกมันในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นอย่างยอดเยี่ยม ย่งไม่ต้องพูดถึงฉากอัดกันที่เต็มเม็ดเต็มเหนี่ยว จัดทุกอย่างที่คุณคิดว่าไคจูเหล่านี้จะทำได้พร้อมอัพเกรดให้เดือดกว่าเดิม คุณจินตนาการถึงหนัง Godzilla ของ TOHO แต่ว่าทุน 200 ล้านเหรียญพร้อมโปรดัคชั่นระดับ Hollywood มันคือความฝันที่เรารอมานานและ Hollywood ก็จัดให้แบบเต็มที่และถูกต้อง ฟินจนไม่รู้จะพูดยังไง ฉากแอ็คชั่นช่วงสุดท้ายคือการจัดเต็มแบบร้องว้าว วาว ว้าวววววววววววว แต่ แอบเสียดายที่บทของไคจูบางตัวไม่ได้รับช่วงเวลาการออกปรากฏตัวเท่าที่ควร ทำให้ความโดดเด่นของมันหายไปอย่างน่าเสียดาย
ส่วนที่มันเสียไปจากภาค 2014 คือความลึกลับที่ค่อย ๆ เผยออกมาพร้อมและความน่ากลัว แต่เนื่องจากว่าเซ็ตติ้งภาคนี้โลกของเรารู้การมาของพวกมันแล้วจึงไม่ต้องลึกลับอะไรและเปลี่ยนความรู้สึกของ Godzilla ให้มีความเป็นแฟนตาซีหลุดวิทยาศาสตร์ไปไกล ซึ่งทำให้คนที่ชอบฟิลลิ่งความสมจริงใน 2014 เซย์โนได้ แต่สำหรับผม ผมก็ชอบแนวทางแบบนี้ มันทำให้จักรวาลหนังไปไกลกว่าเดิม เพราะมันไม่ต้องยึดโลกความจริงอีกแล้ว ซึ่งทำให้หลาย ๆ ไอเดียสุดบ้าบอใน Godzilla ของ TOHO ถูกใส่มาเพิ่มเติมได้ในภายหลัง (เอาจริง ๆ ฉากหลังเครดิตเชื่อว่าใครเป็นแฟน Godzilla ต้องเอามือปิดปากและร้อง ว้าวชัวร์) นี่ยังมี Easter Egg ที่ให้หากันโคตรสนุกตลอดเวลา และธีมเพลงเก่าที่ถูกดัดแปลงใหม่อย่างลงตัวซึ่งมันถูกใส่ในหนังได้อย่างชาญฉลาดและดึงอารมณ์ของแฟน Godzilla แบบสุดขีดมาก
ในส่วนของบทมนุษย์ 2014 อย่างไรภาคนี้ก็แบบนั้น แต่ว่าบทของครอบครัวในหนังทำได้ดีกว่าภาคแรกและเข้าถึงมากกว่านิดหน่อย แต่สิ่งที่ชอบคือการที่เราได้เห็นความยิ่งใหญ่ของโมนาค ยานรบโคตรล้ำดุจหนังไซไฟเกรดบีที่ออกมาร่วมสู้กับไคจู ซึ่งมันโคตรจะหนัง Godzilla เลยบอกให้ และมันทำให้เรารู้สึกว่าองค์กร Monach มันมีน้ำยามากกว่าที่ออกมาแคะขี้มูกแล้วบอก ก็อตจิต้องอยู่นะเธออะไรแบบนั้น ส่วนบทหนังก็โคตรจะเกรด B สาเหตุที่เกิดเรื่องราวทั้งหมดโคตรจะหนังโทคุซัทสึตกยุคสุด Cliche แต่มันก็ขับเคลื่อนไปสู่การกระทืบกันของไคจูได้อย่างลงตัวมากเลย
สรุปแล้ว Godzilla King of the Monster คือจดหมายรักของ Hollywood สู่แฟน ๆ Godzilla และ TOHO มันได้มอบจิตวิญญาณของหนัง Godzilla ที่แฟน ๆ รักออกมาได้อย่างดี ทุก ๆ กลิ่นอาย (แม้กระทั้งข้อเสีย) จากเวอร์ชั่นญั่ปุ่นถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีกึ๋นและมีความเคารพ ผมเชื่อว่าแฟน Godzilla จะรักมัน และมันจะเป็น Main Event ที่แฟน Godzilla จะจดจำไปอีกนานแสนนาน
Godzilla: King of the Monsters
เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์
Review : Soma