J-HERO REVIEW : Kishiryu Sentai Ryusoulger ดีทุกอย่าง ยกเว้น …

ชื่อเรื่อง : 騎士竜戦隊リュウソウジャー (คิชิริวเซนไตริวโซลเจอร์)
ปีที่ฉาย : 17 มีนาคม 2019 – 1 มีนาคม 2020
จำนวน : 48 ตอน
เขียนบทหลัก : ยามาโอกะ จุนเปย์
ผู้กำกับหลัก : คามิโฮริอุจิ คาซึยะ
โปรดิวเซอร์ : ซาซากิ โมโตอิ
นำแสดงโดย : อิจิโนเสะ ฮายาเตะ, ซึนะ เคย์โตะ, โอซากิ อิจิกะ, โอบาระ ยูอิโตะ, คิชิดะ ทัตซึยะ และ เฮียวโด คัทซึมิ

เรื่องย่อ :

65 ล้านปีก่อน เผ่าโดรุยดอนได้เข้าโจมตีโลกมนุษย์ แต่พวกมันทำไม่สำเร็จเพราะเผ่าริวโซลได้ทำการปกป้องเอาไว้ และขับไล่พวกโดรุยดอนจนต้องหนีออกไปยังอวกาศ

เผ่าริวโซลจึงเก็บตัวอยู่บนโลกอย่างสงบ กระทั่งวันหนึ่งโดรุยดอนกลับมาอีกครั้ง และคราวนี้เหล่านักรบชนเผ่าริวโซลรุ่นใหม่ก็เตรียมตัวพร้อมที่จะรับมือกับพวกมัน และสานต่อภารกิจที่บรรพบุรุษได้สร้างเอาไว้ ตำนานการต่อสู้ของผู้กล้าแห่งไดโนเสาร์จึงได้เริ่มต้นขึ้น

Review :

นับตั้งแต่ข่าวการเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปี 2018 ทำเอาแฟน ๆ ถึงกับอึ้งในความกล้าของโตเอะ ที่งัดเอาธีมไดโนเสาร์มาใช้อีกครั้งหลังจากเพิ่งจะปรากฏต่อสายต่อของผู้ชมไปในปี 2013 กับ “จูเด็นเซนไตเคียวริวเจอร์” แต่ก็เป็นอันพอเข้าใจได้ถึงสภาพการณ์ของบริษัทที่ต้องการจำหน่ายสินค้า มากกว่าสร้างเนื้อหาใหม่ที่ค่อนข้างจะเสี่ยงต่อการไม่เป็นที่ยอมรับต่อผู้ชมรุ่นใหม่ เพราะตามสไตล์ของการสร้างจุดสนใจนั้นจะอิงตามกระแสนิยมของผู้บริโภคในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าทางผู้ผลิตได้สำรวจมาแล้วว่าไดโนเสาร์อาจจะขายได้อีกครั้งในช่วงรอบปีที่ผ่านมา

เมื่อถึงเวลาเปิดตัว ยอมรับเลยครับว่าเป็นซุปเปอร์เซนไตที่ออกแบบทุกอย่างได้ยอดเยี่ยมมาก ทั้งดีไซน์ชุด หุ่นยนต์ รวมไปถึงงานภาพที่กำกับโดยผู้กำกับแถวหน้าของวงการในตอนนี้ “คามิโฮริอุจิ คาซึยะ” ที่เคยฝากผลงานในคาเมนไรเดอร์เอ็กเซด / คาเมนไรเดอร์บิลด์ นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม : รู้จักผู้กำกับยุคใหม่แห่งโลกโทคุซัทสึ … คามิโฮริอุจิ คาสึยะ

จุดเด่นที่ทำให้แฟน ๆ เอามาพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง คงหนีไม่พ้นงานภาพ ฉากต่อสู้ เทคนิคการถ่ายทำที่โดดเด่น ฉากหุ่นยนต์วิ่ง 4 x 100 หรือการเข้าถึงบทของเหล่านักแสดงที่บีบเค้นอารมณ์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

และคงต้องขอบคุณผู้กำกับอีกท่านอย่าง “ซากาโมโต้ โคอิจิ” ที่มักจะดึงเอาแขกรับเชิญซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตากับเหล่าโทคุฯ แฟนให้มาปรากฏตัวเพื่อสร้างสีสันได้แบบไร้ที่ติ เรียกได้ว่านี่เป็นการรวมตัวของนักแสดงที่เคยร่วมงานกับแกแบบปาร์ตี้ย่อย ๆ เลยก็ว่าได้

อ่านต่อ : รู้จักผู้กำกับสายบู๊ระเบิดจอที่ผู้ชมต่างก็รักในงานของเขา … ซากาโมโต้ โคอิจิ

สิ่งที่ผมประทับใจอีกอย่างคือการสร้างคาแรคเตอร์ที่ค่อนข้างจะแข็งแรง (หมายถึงแข็งแรงจริง ๆ) เพราะเราจะได้เห็นทุกคนอยู่ในสภาพพร้อมตีได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งสาวน้อยคนเดียวในกลุ่มอย่างอาสึนะเอง ก็ไม่ได้ออกแนวหวานแหววเหมือนสีชมพูในเรื่องก่อน ๆ หน้า ทว่าเธอมาพร้อมกับลุคของเด็กผู้หญิงที่สามารถเล่นหัวกับเด็กผู้ชายได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่งตรงนี้ผมเข้าใจว่าเป็นแนวทางให้กับผู้ชมที่เป็นเด็กผู้หญิงรุ่นใหม่อีกทางหนึ่ง โดยพยายามจะถ่ายทอดให้รู้ว่าเพศสภาพไม่ใช่ตัวเลือกของการเป็นผู้กล้าอีกต่อไปแล้ว ทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ในแบบของตนเองได้ … อะไรทำนองนี้

แม้ว่าจะมีข้อดีในเรื่องของโปรดักชั่นเต็มไปหมด ทว่าจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดก็คือ “บท” ที่ออกแบบมาได้ไม่ค่อยน่าติดตามซักเท่าไหร่ แต่เมื่อเทียบกับเรื่องที่ผ่าน ๆ มาแล้วผมมองว่าก็เป็นเรื่องปรกตินะ #ฮา

อีกเรื่องคือการใช้คาแรคเตอร์ประกอบที่ไม่ค่อยโดนใจ ยกตัวอย่างอุยที่แทบจะไม่มีบทอะไรเลย หรือฝั่งตัวร้ายก็ใช้วนกันจนรู้สึกเอียนไปข้าง (กาเรจิอุสอะไรนั่นอ่ะ) แต่ก็นะ …เพราะอย่างที่เข้าใจกัน ซุปเปอร์เซนไตซีรีส์จะมีกลุ่มผู้ชมชัดเจนอยู่แล้วนั่นก็คือเด็กเล็กถึงเด็กประถม ซึ่งสามารถอ้อนผู้ปกครองให้วิ่งไปหาซื้อของเล่นได้ ส่วนกลุ่มผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ก็จะออกแบบให้มีกิมมิคน่าสนใจและติดตามในตัวของนักแสดงแทน

ภาพรวม :

หากจะจัดอันดับโปรดักชั่นของซุปเปอร์เซนไตที่ดีที่สุด (ตามความเห็นของผู้เขียน) นับตั้งแต่เคียวริวเจอร์เป็นต้นมา ริวโซลเจอร์น่าจะอยู่ในอันดับหนึ่งของการออกแบบมุมกล้อง การเล่นอารมณ์ของตัวละคร เทคนิคพิเศษและความอลังการของฉากหุ่นยนต์

กลับกันถ้าวัดเอาความสนุก ผมคงให้พอ ๆ กับหลายเรื่องที่ผ่านมาก่อนหน้า เพราะมันก็ไม่ได้หนีไปไกลกันซักเท่าไหร่ เปิดเรื่องมาน่าตื่นเต้น กลางเรื่องเริ่มมุกตัน รีไซเคิลตัวละครและบทที่ค่อนข้างจำเจ แต่ปลายเรื่องปิดได้ค่อนข้างดีและมีน้ำตาซึม ๆ

ริวโซลเจอร์จะเหมาะกับการ “เลือกดูเป็นตอน ๆ ไป” มากกว่าการดูอย่างต่อเนื่อง เพราะความสนุกมันขึ้น ๆ ลง ๆ ตามจังหวะของเนื้อหา หรือถ้าอยากดูรวดเดียวจบก็ไม่เสียหายอะไร แต่เพื่อความสมบูรณ์ แนะนำให้ศึกษา Easter Egg ของแขกรับเชิญแต่ละตอนให้ดี เพราะมีซ่อนเอาไว้เกือบทุกตอนเลยล่ะครับ