หลังฉายตอนที่ 1 จบไป หลายกระแสต่างชื่นชมในภาพของขบวนการซุปเปอร์เซนไตเรื่องใหม่ ที่สื่อออกมาได้น่าตื่นเต้นและน่าติดตามอย่าง “คิชิริวเซนไตริวโซลเจอร์” วันนี้ลองมาสัมผัสอีกแง่มุมกับทีมงานหลักอย่างผู้กำกับดูบ้าง
เค้าคือผู้รังสรรค์ผลงานอันเป็นที่น่าจดจำหลายเรื่อง ทั้งเอ็กเซด บิลด์ รวมไปถึงมูฟวี่รวบพลเหล่าไรเดอร์อย่างคาเมนไรเดอร์เฮย์เซย์เจนเนเรชั่นทั้งสองภาค … คามิโฮริอุจิ คาสึยะ
ก่อนจะอ่าน ลองไปรู้จักกับเค้าดูก่อนในบทความนี้ >>> รู้จักผู้กำกับยุคใหม่แห่งโลกโทคุซัทสึ … คามิโฮริอุจิ คาสึยะ
“งานของผมมันนับจาก 0 แล้วไปที่ 1 ครับ”
- ก่อนอื่นคงต้องถามก่อนว่า หน้าที่หลัก Pilot Director คืออะไรครับ?
Pilot Direct มีความสำคัญกับซีรีส์ค่อนข้างมากครับ เพราะมันคือหน้าที่ที่จะกำหนด “มิศทาง” ของเรื่องให้เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน ในโครงสร้างของการถ่ายทำ มักจะมีผู้กำกับขึ้นมาเป็นผู้กำกับหลักประจำตอนนั้น ๆ หลายคน แต่ทุกคนจะอิงทิศทางของเรื่องจาก Pilot ที่ Director ได้วางเอาไว้ในสองตอนแรก และนั่นคืองานของผมครับ
- อะไรคือลายเซ็นของคุณ?
ผมชอบทิ้ง “รอยแผล” บางอย่างให้กับตัวละครได้เอาไว้เป็นตัวเพิ่มความหนักแน่นของบทให้ดียิ่งขึ้นครับ รวมไปถึงการสร้าง “จุดสนใจ” โดยอาศัยวัตถุซักชิ้นเพื่อให้ผู้ชมจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นหรือฉากนั้น
- ทำให้นึกถึงเอ็กเซดตอนเปิดตัวโครนอส กับหลอดไฟในฉากเปิดตัวบิลด์ฮาซาร์ดเลยนะครับเนี่ย
ต้องขอบคุณโปรดิวเซอร์โอโมริที่ฝากความหวังให้กับผมในตอนนั้น (ฮา) เพราะผมเองก็ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี รู้แค่ว่าอยากให้เป็นที่จดจำกับผู้ชม ซึ่งหลังจากที่งานเสร็จออกมาแล้วก็เป็นกระแสไปพักนึงเลยครับกับนาฬืกาที่ว่านั่น
「上堀内時計」 (นาฬิกาคามิโฮริอุจิ)
- แล้วมากำกับริวโซลเจอร์ได้ยังไง?
ตอนที่ถ่ายทำบิลด์เสร็จ ก็ได้ข้อความจากโปรดิวเซอร์ ทาคาฮาชิ คาสึฮิโระ เลยครับ แตนแรกก็ทำตัวไม่ถูก เพราะถูกขอให้มารับงานเป็น Pilot Director เลย และผมก็ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับซุปเปอร์เซนไตมาก่อนด้วย
แต่เพราะอยากลองทำอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง โอกาสนี้ไม่ได้มีบ่อยครั้ง ผมเลยตอบตกลงไปหลังจากนั่งคิดอยู่พักนึง
- หลังจากทำสองตอนเแรกเสร็จ รู้สึกยังไงบ้าง?
ผมเริ่มจากการทำงานโดยวาดภาพขึ้นมาเพื่อให้โปรดิวเซอร์ได้เห็นตามครับ ก่อนจะปูพื้นฐานของโครงสร้างทีมให้แน่นหนา จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้กำกับท่านอื่น ๆ ที่รับงานต่อจากผมไป งานของผมจึงเป็นการสร้างลำดับจาก 0 ไปหา 1 เหมือนกับเวลาที่เราจะเล่าอะไรซักอย่าง คงต้องย้อนความเดิมให้รู้สึกว่ามีเหตุและผลมารองรับในการก้าวไปข้างหน้าของตัวละครในเรื่อง
หลังงานออกมาก็รู้สึกคิดถูกแล้วที่ได้ทำอะไรใหม่ ๆ แบบนี้ครับผม
“ความชอบไม่ใช่คำตอบของความเชื่อใจ”
ผมย้ำกับตัวเองอยู่เสมอว่าแม้คนดูจะชอบงานของเรา ก็ไม่ได้หมายความเราจะทำอะไรกับงานของเราต่อไปยังไงก็ได้ เพราะถ้ามีช่องโหว่หรือจุดที่คนดูเก็บไปคิดหาเหตุผลไม่ได้ ความเชื่อใจต่อตัวผมและทีมงานก็จะหมดลง ผมจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสร้างคาแรคเตอร์ออกมาให้เป็นที่จดจำ รวมไปถึงเค้นเอาความสามารถของพวกเค้าให้เข้ากับบทที่ได้รับ และแปรออกมาเป็นผลงานสู่ผู้ชมทุกคนครับ ….
http://entrenet.jp/magazine/19024/
