J-HERO REVIEW : เทนโซวเซนไตโกเซย์เจอร์

ดูจบแล้วครับ … กว่าจะจบ ต้องเอาใส่แทปเล็ทไปดูตอนวิ่งออกกำลังกาย (วิ่งบนลู่วิ่งน่ะ) เพื่อที่จะได้ไม่หลับระหว่างดู กับ “เทนโซวเซนไท โกเซย์เจอร์”

สปอยล์ละกัน …

ว่ากันตามตรง ซีรี่ย์นี้ถือว่าทำได้ดีครับ เพียงแต่ยังดีไม่เท่าเรื่องอื่น ๆ ที่ทำเอาไว้ โดยที่โกเซย์เจอร์นั้นจะกล่าวถึงเหล่าเทพสวรรค์ “ฝึกงาน” ทั้ง 6 คน (ย้ำว่าหกคน) ถูกส่งลงมาโดย “มาสเตอร์เฮดเดอร์” เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และฝึกฝนตัวเองจนกว่าจะมีสิทธิ์ได้เป็นเทพสวรรค์เต็มตัว ซึ่งเด็กฝึกงานทุกคนจะมี “เทนโซวเดอร์” อุปกรณ์เปลี่ยนการ์ดให้กลายเป็นพลังเทพคอยสนับสนุน

แต่ทว่าในระหว่างที่กำลังอินเทิร์นนั้นเอง ก็ปรากฏเหล่าร้ายจากต่างดาวอย่าง “วอร์สตาร์” บุกลงมาบนโลก และทำลายหอคอยสวรรค์จนพินาศสิ้น เมื่อหอคอยพังหมดแล้วเหล่าเทพสวรรค์ฝึกงานทั้งหลายก็ไม่มีที่ไปน่ะสิ เลยจำเป็นต้องต่อสู้กับผู้รุกรานจากต่างดาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เทพสวรรค์แต่ละคนจะมาจากสายงานที่แตกต่างกัน โดยหลัก ๆ แล้วจะแบ่งเป็นสามประเภท นั่นก็คือ “สกายอิค” (สายที่ใช้พลังลมและสายฟ้า) / “ซีอิค” (สายที่ใช้พลังน้ำ) และ “แลนด์ดิค” (สายที่ใช้พลังเกี่ยวกับธาตุหินดินทราย)

ในตอนที่เข้าปะทะกับวอร์สตาร์นั้น หนึ่งในเด็กฝึกงานสายซีอิคก็เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อปกป้องเพื่อนตัวเองจนเสียชีวิต นั่นจึงเป็นเหตุให้สมาชิกเด็กฝึกงานเหลือเพียง 5 คนเท่านั้น และทุกคนก็ได้ไปฝากชีวิตบนโลกไว้กับ “ศจ.ชูอิจิโร่” ชายสติเฟื่องผู้มีลูกชายคนเดียวอย่าง “โนโซมุ”

การต่อสู้กับวอร์สตาร์เป็นไปแบบงง ๆ ก่อนที่เหล่าเทพสวรรค์ฝึกงานจะเอาชนะไปได้ในช่วงตอนที่ 16 … ครับ อัดบอสของวอร์สตาร์ตายในตอนที่ 15 – 16 เลย


แต่พอฮีโร่ของเรากำจัดบอสได้ ก็ปรากฏผู้ร้ายกลุ่มใหม่อย่าง “ยูมะจูว” ออกมาอะลาดวาดซ้ำ ก็สู้ ๆ ไปนี่ล่ะครับ ได้ตัวประกอบมาเพิ่มอีกตัวนึง นั่นก็คือ … คือใครวะ?

อ่อ เห็นว่าชื่อ “โกเซย์ไนท์” อ่ะ

จนสุดท้ายก็สามารถอัดบอสของพวกยูมะจูวตายในตอนที่ 32 … งงอ่าดิ ไป ๆ มา ๆ กำจัดบอสได้อีกแล้ว และสุดท้ายก็ปรากฏเหล่าร้ายขึ้นมาจากใต้ทะเลลึกอย่าง “มาทรินติส” ออกมาหมายจะยึดครองโลกอีก โกเซยเจอร์จึงต้องรวมพลังทั้งหมดเข้าถล่มจักรวรรดิ์มาทรินติสเพื่อช่วยให้โลกอยู่รอดปลอดภัย และกำจัดบอสลงไปได้ในตอนที่ 44

แต่โกเซย์เจอร์มี 50 ตอนนะเว้ย!

ใช่ครับ เพราะอีก 6 ตอนที่เหลือ เหล่าเทพสวรรค์ก็เข้าห้ำหั่นกับเทพแมลงสาปอมตะ “บราจิร่า” ผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวล

เมื่อหลายยยยยยยยยยยยยยย พันปีก่อน สมัยที่โลกถือกำเนิดและมีมนุษย์เป็นผู้ครองผืนพิภพ มีเหล่าเทพสวรรค์ถือครองน่านฟ้าที่ปกคลุมทั่วโลกนั้น เหล่ามนุษย์ได้รบราฆ่าฟันกันเอง รวมไปถึงทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างไร้เหตุผล เทพสวรรค์ “บราจิร่า” จึงได้คิดแผนที่จะ “ล้างโลก” และ “สร้างโลก” ขึ้นมาใหม่ เพื่อนที่จะให้โลกนี้กลับมาสวยสะอาดเป็นยูโธเปียวิลล่าอีกครั้ง

ทว่าความคิดดังกล่าวกลับถูกต่อต้านโดยเหล่าเทพสวรรค์ด้วยกันเอง ทำให้บราจิร่าคิดการใหญ่ด้วยการ “ข้ามมิติเวลา” มายังยุคปัจจุบัน ซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างกายของเค้าเปลี่ยนรูปร่างไปในที่สุด และแผนการที่คิดจะล้างโลกนั้นก็เริ่มด้วยการดึงเอาเหล่าวอร์สตาร์ / ยูมะจูว และมาทรินติสมาเป็นเครื่องมือนั่นเอง

ถึงตอนจบคงไม่ต้องเล่าอะไรมากครับ เพราะหนังเซนไทยังไงพวกพระเอกก็ชนะแน่นอนอยู่แล้ว ประเด็นที่ผมจะกล่าวจากนี้ก็คือ “จุดเด่น” และ “จุดด้อย” ของโกเซย์เจอร์


จุดเด่น :

1. รายละเอียด
ถ้าเป็นแฟน ๆ เซนไทแล้ว ลองนึกย้อนกลับไปดี ๆ ครับว่าเหล่าร้ายที่ปรากฏตัวมาบุกโลกนั้น จะหนีไม่พ้น 4 หัวข้อหลักต่อไปนี้

– มาจากนอกโลก
– เป็นพวกสัตว์ประหลาดใต้ดิน
– เป็นพวกชนเผ่าโบราณหรือองค์กรซักอย่าง
– พวกต่างมิติ เช่นนรก สวรรค์ มิติอื่น ๆ ที่เกียวข้อง ประมาณนั้น

ใช่ครับ … โกเซย์เจอร์แม่มเหมาหมดเลย ซึ่งเหล่าร้ายแต่ละกลุ่มนั้นมี “รายละเอียด” ที่โคตรจะลึกซึ้ง เรียกได้ว่าถ้าใครตามจริง ๆ อาจจะร้องเหยดเลยก็เป็นได้

ยกตัวอย่างเช่น “วอร์สตาร์” เอาคำมากลับกันจะได้ “Star War”
โดยที่ชื่อของคาแรคเตอร์ในกลุ่มทุกตัว มีที่มาจากภาพยนตร์ไซไฟครับ
ส่วน “ยูมะจูว” และ “มาทรินติส” ก็เช่นเดียวกัน ชื่อและคาแรคเตอร์ของตัวละคร ต่างก็มีที่มาจากชื่อภาพยนตร์แนววิทยาศาตร์ด้วยกันทั้งนั้น

อีกทั้งการออกแบบตัวละครต่างก็อ้างอิงจากที่มาของกลุ่ม เช่นวอร์สตาร์จะเป็นพวกสายแมลงทั้งหมด ยูมะจูวจะเป็นพวกสัตว์ลึกลับบนโลก บิ๊กฟุตเอย เนสซี่เอย ประมาณนี้ ส่วนมาทรินติสก็แนว ๆ สัตว์ใต้ทะเล เช่นกุ้ง หอย ปู ปลาเป็นต้น

ส่วนที่ว่ามาจากต่างมิติ ก็คือกลุ่มสุดท้ายที่มีอยู่คนเดียวอย่างบราจิร่านั่นเอง

เอาเป็นว่าอยากรู้ว่าใครมีชื่อมาจากหนังเรื่องอะไร ลองเข้าไปอ่านในนี้ดูครับผม
http://millionfoldcuriosity.wordpress.com/monster-file-contents/


2. คอนเซปท์เทพสวรรค์
ถ้านึกถึงเทพสวรรค์ หลาย ๆ คนคงนึกถึงเซย์ย่า และเพลงเปิดอย่าง “Pegasus Fantasy” แต่จะมีคนนึกออกกี่คนว่านักร้องที่มาร้องเพลงเปิดให้โกเซย์เจอร์นั้นก็คือ NoB คนเดียวกับที่ร้องเพลงเปิดเซย์ย่านั่นล่ะ แถมใน The Movie พี่แกขนเอาวง “Make Up” มาร้องเพลงประกอบให้อีกด้วย (ไปหาฟังดูครับ แนวเพลงเซย์ย่าเลย)



หมดแล้ว ขี้เกียจคิด เอาเป็นว่าไปดูข้อเสียเถอะ

ข้อเสีย :

1. เนื้อเรื่องอ่อนมาก
อ้างอิงจากด้านบน โกเซย์เจอร์คือซีรี่ย์ที่มีดีเทลเยอะพอสมควรเรื่องนึงเลยทีเดียว แต่ทว่าในส่วนของบท รวมไปถึงนักแสดงนั้นกลับอ่อนอย่างน่าผิดหวัง เปรียบเสมือนอาหารฝรั่งเศสที่ตกแต่งจนน่ากิน แต่รสชาติน้องหมาสะเอียน (เอาจริง ๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะ) เพียงแต่ผู้ชมหลาย ๆ คนมีความรู้สึกได้ว่า “มันน่าจะทำได้ดีกว่านี้” หรือ “นักแสดงน่าจะดึงดูดกว่านี้” เป็นต้น

เราดูเซนไทเรื่องเก่า ๆ เราอาจจะติดตาภาพของ “แบล็คคอนดอร์” หรือ “ยูกิ ไก” ว่าเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์สุด ๆ หรือความลงตัวแบบไม่มีที่ติของสามนักแสดงจากเฮอริเคนเจอร์ แต่ทว่าในโกเซย์เจอร์นั้นนักแสดงแต่ละคนไม่สามารถดึงเอาพลังแฝงในคาแรคเตอร์ออกมาได้อย่างเต็มที่ (ในสายตาของผมนะ) ราวกับว่ามันไม่สุดจริง ๆ ล่ะครับ

อีกประเด็นนึงผมมองว่านักแสดงไม่มีออร่าด้วยล่ะ คือฝ่ายชายก็ดูเคะสุด ๆ ฝ่ายหญิงก็ดูกลาง ๆ ไม่เด่นอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะทีมงานเอาแพลนไปลงกับซีรี่ย์เรื่องต่อไปอย่างโกไคเจอร์ก็เป็นได้

2. ขาดโฟกัส
หากจำกันได้ ในมาจิเรนเจอร์นั้นแต่ละตอนพวกจอมเวทย์จะได้ “เวทมนต์ใหม่” จากการดำเนินเรื่องอยู่เสมอ หรือเกคิเรนเจอร์ก็มักจะมีบทเรียนแปลก ๆ มาทดสอบเหล่านักเรียนโรงเรียนหมัดสรรพสัตว์อยู่เนือง ๆ

ทว่าโกเซย์เจอร์นั้นกลับไม่มีห่านอะไรเลย … โอเคว่าพวกเอ็งสู้กันไปได้การ์ดใหม่ ของเล่นใหม่ แต่มันก็ได้มาแบบไม่มีที่มาที่ไปอยู่ดี เอาเป็นว่านึกอยากจะยัดอะไรมาตอนไหน ทีมงานก็ยัด ๆ ลงมาหมดนั่นล่ะ

3. จืดจาง
เป็นไปได้ว่าการที่ไม่มีนักแสดงคนที่ 6 เป็นคน จึงทำให้เนื้อเรื่องเหมือนจะจืดจางลงไป … อันนี้ความเห็นส่วนตัวของผมนะ

เมื่อก่อนเราดูเซนไทยุคเก่า ๆ ที่มี 5 คนตั้งแต่เริ่มจนจบ พวกเราก็ดูได้แบบไม่มีปัญหาอะไรนะ แต่พอโตขึ้นมา ระบบความคิดก็ซับซ้อนมากขึ้น พอย้อนกลับไปดูจึงมีโอกาสได้เห็นข้อดี + ข้อเสียของซีรี่ย์แต่ละเรื่องได้อย่างชัดเจน ถามว่าโกเซย์เจอร์ต่างไปจากนั้นไหม … มันก็ไม่ต่างคัรบ เพียงแต่ว่าคุณตั้งตัวละครที่ 6 ขึ้นมาแล้ว แต่กลับปรับบนให้มันกลายเป็นของเล่นลอยไปลอยมาชิ้นนึง ซึ่งบทเด่น ๆ ในเรื่องค่อนข้างจะเยอะก็จริง แต่มันไม่มีพลังที่จะทำให้คนดูติดตาติดใจอะไรได้เลย

เป็นไปได้ว่าคาแรคเตอร์นี้เป็นตัวละครนิ่ง ๆ ไม่สนใจชาวบ้าน ไม่มีบทฮาอะไรให้คนจดจำ จึงอาจจะทำให้เรื่องนี้ดูจืดจางลง … ก็อาจเป็นได้แฮะ

4. อิ่มตัว
ข้อนี้ผมคงกาหัวไว้เป็นประเด็นหลักเลย เพราะซุปเซนไทซีรี่ย์ในยุคนี้ผมมองว่ามัน “ถึงทางตันแล้ว” ต่างจากคาเมนไรเดอร์ซีรี่ย์ที่สามารถพาตัวเองทะลุไปอีกจักรวาลนึงได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด (ถึงได้บอกไงว่าต่อไปเอาไข่ดาวมาเป็นไรเดอร์ จะไม่แปลกใจอีกต่อไป)

จริงอยู่ว่ามุกของเทพสวรรค์เป็นพล็อตเรื่องที่ไม่เคยนำมาใช้เลยซักครั้ง แต่เทพสวรรค์ในโกเซย์เจอร์มันยังดูไม่ EPIC พอที่จะทำให้ดูยิ่งใหญ่ได้ แม้ว่าจะพยายามดึงเอาคอนเซปท์เก่า ๆ มารวมกันเพื่อความแปลกใหม่ แต่มันก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหนเช่นเดิม (อันนี้มีข้อ 1 สนับสนุนในเรื่องของคาแรคเตอร์ + นักแสดงด้วยครับ)

ไอ้เรื่องเซนไทตันไม่ตันนี่เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที ใจจริงรอว่าง ๆ อยากจะเขียนวิเคราะห์แนวทางของโตเอะดู (รวมฮิตเพื่อเฮือกสุดท้าย – โกไคเจอร์ และแหวกว่ายหาแนวทางใหม่จนเจ๊ง – โกบัสเตอร์ ตกลงแล้วอะไรคือทางออกที่ดีที่สุดล่ะ?)

สุดท้ายแล้วจะยังไงผมก็ดูมันทุกเรื่องนั่นล่ะ ถึงจะมุกเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ตั้งแต่ 35 ปีที่แล้ว แต่นั่นก็ทำให้ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ดูนะ

สรุป :
ไม่เลวร้าย แต่มันไม่มีอะไรให้น่าจดจำเท่านั้นเอง

ปล. รวมคำถามที่ถามกันบ่อย

1.ทำไมไม่ฉายในไทย?
– เข้าใจว่าทางบันไดปิดสายการผลิตของเล่นหลังซีรี่ย์จบ เพื่อเปิดทางให้กับสายการผลิตของเล่นโกไคเจอร์ และ Legend Series อื่น ๆ ครับ ทำให้ของเล่นของโกเซย์เจอร์ไม่มีล็อต Re-Product ออกมา และเมื่อไม่มีของเล่นออก ก็ไม่มีสปอนเซอร์ รวมไปถึงแรงสนับสนุนจากผู้ผลิต ทำให้โตเอะไม่พิจารณาปล่อยซีรี่ย์นี้ให้มาฉายในประเทศไทย หรือถ้าใครทราบข้อเท็จจริงที่แน่ชัดกว่านี้ ก็ช่วยเสริมได้ครับ

2. เรทติ้งแย่จริงไหม?
– ไม่ได้แย่ที่สุดครับ ยังดีกว่าโกบัสเตอร์ด้วยซ้ำ (จริง ๆ นะ)

3. มีโอกาสจะเข้าไทยไหม?
– ตอบไม่ได้จริง ๆ ครับ