ในที่สุด การเดินทางของเฮเซไรเดอร์ก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วนะครับ ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าแฟนๆไรเดอร์หลายๆคนคงจะประทับใจในความกล้าหาญ ความเสียสละ และวิถีการใช้ชีวิตในฐานะฮีโร่ของพวกเขาไม่มากก็น้อย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องส่งไม้ต่อไปยังเรวะไรเดอร์เร็วๆนี้ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไปแล้วไปลับนะครับ อย่างที่โนงามิ เรียวทาโร่เคยพูดไว้แหละครับ ถ้ายังจำกันได้ก็จะไม่มีวันหายไปไหน แน่นอนว่า ต่อให้เป็นยุคเรวะ แต่เฮเซไรเดอร์ก็ยังจะอยู่ในความทรงจำของทุกคน เช่นเดียวกับโชวะไรเดอร์ที่แฟนๆก็ยังรักและศรัทธาอยู่เสมอ และยังออกมาช่วยต่อสู้ไปพร้อมกับเฮเซไรเดอร์บ้างเป็นบางครั้ง
โดยเฉพาะชายผู้เป็นตำนานคนนี้ เขาเป็นมาสค์ไรเดอร์คนแรกของยุคโชวะ และคนแรกของโลกเลยก็ว่าได้ ฮอนโก ทาเคชิ นักศึกษามหาวิทยาลัยโจนันคนหนึ่งที่ดวงซวยถูกองค์กรร้ายช็อคเกอร์จับไปดัดแปลงร่างกาย แต่หนีมาได้ก่อนที่จะถูกล้างสมอง เขาได้ใช้พละกำลังความสามารถที่ได้มาจากการดัดแปลงร่างกายพิทักษ์โลกเพื่อไม่ให้อยู่ในเงื้อมือขององค์กรร้ายช็อคเกอร์ และเขาก็ทำเช่นนั้นมาโดยตลอด แม้ว่าจะมีไรเดอร์รุ่นน้องถือกำเนิดขึ้นมาในยุคโชวะเพิ่มอีก 10 คนก็ตาม (นับถึงแค่ Black Rx ที่มีสตอรี่ร่วมกับทาเคชิในยุคโชวะ และนับไรเดอร์สองคนที่มีร่างต้นเป็นมินามิ โคทาโร่เป็น 1 คน ไม่งงเนาะ) แน่นอนว่าคนสำคัญที่ทำให้ฮอนโก ทาเคชิเป็นมากกว่านักศึกษาดวงซวยธรรมดา นั่นก็คือ ฟุจิโอกะ ฮิโรชิ ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจและแรงสมอง เพื่อถ่ายทอดบทบาทของฮอนโก ทาเคชิอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจะลงมาที่เขาในโลกความจริงก็ตาม…
เรื่องราวของโชวะไรเดอร์ที่ฟุจิโอกะซังได้มีส่วนร่วมเป็นครั้งสุดท้ายนั้นก็คือ มาสค์ไรเดอร์สตรองเกอร์ ทุกคนคงจำได้ดีกับฉากรวมตัวกันของเหล่านักแสดงร่างมนุษย์ของโชวะไรเดอร์ 7 คนแรก ซึ่งแฟนๆไรเดอร์ยกย่องว่า 7 คนนี้คือคามิเซเว่นแห่งโลกของมาสค์ไรเดอร์ ได้ยืนอยู่ด้วยกัน มันเป็นภาพที่ทรงพลังชนิดที่ว่าไม่มีการรวมตัวครั้งไหนจะทรงพลังได้เท่านี้อีกแล้ว(แม้ว่า 2 ใน 7 คนจะเหลือเพียงแค่ชื่อแล้วก็ตาม) และนั่นคือครั้งสุดท้ายในยุคโชวะที่เราเห็นฟุจิโอกะซังในฐานะฮอนโก ทาเคชิ
และในยุคของเฮเซไรเดอร์นั้น ฟุจิโอกะซังก็กลับมาโลดแล่นในโลกของมาสค์ไรเดอร์อีกครั้งในยุคเฮเซถึงสี่ครั้งด้วยกัน แม้ว่าลุงเขาจะปรากฎตัวออกหน้ากล้องในฐานะฮอนโก ทาเคชิอย่างจริงจังเพียงแค่สองครั้งก็ตาม ส่วนอีกสองครั้งที่เหลือนั้น ครั้งหนึ่งเป็นการปรากฎตัวเพียงแค่เสียงพากย์ของมาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 และครั้งหนึ่งไม่ได้ปรากฏตัวออกมาในฐานะฮอนโก ทาเคชิ หรือมาสค์ไรเดอร์ 1 เลย ส่วนเรื่องไหนที่มีมาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 แต่ไม่ได้กล่าวถึงในนี้ จะเป็นการให้เสียงพากย์โดยบุคคลท่านอื่นหมด มาดูกันว่า ตลอดทั้งสี่ครั้งของฟุจิโอกะซังในยุคของเฮเซไรเดอร์มีอะไรน่าประทับใจกันบ้าง?
ครั้งที่ 1 – Kamen Rider Agito : Project G4
ภาพยนตร์ฉลองครบรอบ 30 ปี ของมาสค์ไรเดอร์ และก็ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเฮเซไรเดอร์ และก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่ฉายควบกับขบวนการเซนไทจนกลายเป็นธรรมเนียมทุกฤดูร้อนมาจนถึงปัจจุบัน พล็อตหลักก็คือ ฟุคามิ ริสะ(นำแสดงโดย โอซาว่า มาจู) จากหน่วย GA ได้สอดแนมเข้ามาอยู่ใน G3 เพื่อแฮ้บเอาพิมพ์เขียวของระบบ G4 มาสร้าง ซึ่งโอซาว่า สุมิโกะ(นำแสดงโดย ฟุจิตะ โทโก) กล่าวไว้ว่าระบบของ G4 นั้นมันรุนแรงเกินกว่าจะสร้างได้ และเรื่องของเรื่องก็คือ กุญแจสำคัญที่จะทำให้ระบบ G4 เสถียร นั่นก็คือ การลิงค์กับมนุษย์ที่มีพลังจิตสูง และหวยก็ดันมาออกที่มานะจัง(นำแสดงโดย อากิยามะ รินะ) นางเอกของเรานี่เอง เมื่อเธอถูกหน่วย GA จับตัวไปต่อหน้าต่อตาโชอิจิ(นำแสดงโดย คาสุ โทชิกิ) เขาจึงได้เดินทางไปขอความช่วยเหลือจากโอซาว่า สุมิโกะ แต่เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ และในขณะที่ทุกคนกำลังถอดใจอยู่นั้นเอง……..
จู่ๆ ชายวัยผู้ใหญ่ลุคน่าเกรงขามก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา สุมิโกะเรียกชายผู้นั้นว่า “ผู้บัญชาการ” ซึ่งนำแสดงโดย ฟุจิโอกะ ฮิโรชิเนี่ยแหละ และแน่นอนตามประสาผู้บังคับบัญชา ก็ต้องมีการถามสารทุกข์กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เธอได้กล่าวถึงปัญหาที่ตนกำลังประสบพบเจอ แต่ท่านก็ได้เตือนสติว่าให้แก้ปัญหาตามที่ตนต้องการซะสิ แล้วในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองได้สนทนากันอยู่นั้น โชอิจิพระเอกของเราก็ได้เข้าไปแทรกซะงั้น ในฐานะที่ผู้บัญชาการท่านนี้รับบทโดยนักแสดงเจ้าของบทบาทมาสค์ไรเดอร์คนแรกสุด จึงได้ให้โอวาทกับมาสค์ไรเดอร์รุ่นน้องเพื่อเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตในฐานะฮีโร่ต่อไปดังนี้….
“สิ่งที่ฉันทำไม่ได้ พวกเธอก็จงทำมันซะ เข้าใจนะ?”
(ผู้บัญชาการแห่งกรมตำรวจ ซึ่งรับบทโดย ฟุจิโอกะ ฮิโรชิ)
ผมว่าประโยคนี้มันมีนัยนะสำคัญนะ เหมือนเป็นประโยคส่งไม้ต่อของโชวะไรเดอร์ให้กับเฮเซไรเดอร์แบบเนียนๆเลย(ต้องเข้าใจด้วยว่า จักรวาลของเฮเซไรเดอร์กับโชวะไรเดอร์ในตอนนั้นมันแยกกัน ดังนั้นภาพยนตร์เลยต้องใช้สัญญะในการส่งไม้ต่อกันแบบอ้อมๆเช่นนี้) ความหมายมันก็คงประมาณ ฉันไม่ใช่ฮอนโก ทาเคชิ ไม่ใช่มาสค์ไรเดอร์ เป็นแค่ตัวละครตัวนึงที่มีนักแสดงคนเดียวกัน แต่เธอเป็นมาสค์ไรเดอร์นะ เธอก็ต้องออกไปสู้กับปีศาจร้ายสิฟะ หรือเอาให้นึกตามง่ายๆก็… นี่ไม่ใช่ยุคของโชวะไรเดอร์แล้ว เรื่องพิทักษ์โลกในยุคเฮเซเนี่ย คงต้องฝากให้เฮเซไรเดอร์จัดการแล้วแหละ เข้าใจนะ
ถึงจะมารับเชิญนิดเดียว และฟุจิโอกะซังก็ไม่ได้อยู่ในบทบาทของมาสค์ไรเดอร์อย่างที่คุ้นตากัน แต่ฉากนั้นก็ถือว่าเป็นที่จดจำของแฟนๆไรเดอร์มากมากเลยทีเดียว…
(และถ้าถามว่า ทำไมไม่มาโผล่ตั้งแต่คูกะ? ก็อากิโตะมันฉายตอนครบรอบ 30 ปีพอดีอ่ะ หรืออีกคำตอบนึงก็คือ อั๊วไม่รู้ว้อยยยย!!!)
ครั้งที่ 2 – OOO, Den-O, All Riders : Let’s Go Kamen Riders
ภาพยนตร์ฉลองครบรอบ 40 ปี ของมาสค์ไรเดอร์ ด้วยการรวบรวมวงศาคณาญาติโกโหติกาเหล่ามาสค์ไรเดอร์ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ทั้งโชวะไรเดอร์ในยุคสว่างและยุคมืด ตัวเอกเฮเซไรเดอร์ตั้งแต่ตัวแรกและตัวล่าสุดในยุคนั้นอย่างโอส ไปจนถึงเหล่าไรเดอร์สมทบต่างๆ(ที่บางตัวก็ไม่อยากจะเชื่อว่าลื้อจะมาช่วยกู้โลก) มาสู้ศึกครั้งนี้ และก็ยังมีเหล่าฮีโร่จากปลายปากกาของอาจารย์อิชิโนะโมริ โชทาโร่ ผู้ให้กำเนิดคาเมนไรเดอร์มาสมทบอีกต่างหาก โดยจุดกำเนิดของอีเวนท์สุดอลังการนี้มาจากการที่เอย์จิ(นำแสดงโดย วาตานาเบะ ชู) และอังค์(นำแสดงโดย มิอุระ เรียวสุเกะ) ได้เผลอข้ามเวลาไปในปี 1971 และทำเซลล์เมดัลตกไว้ และพอกลับมายังปี 2011 ก็พบว่าไทม์ไลน์ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เพราะว่าช็อคเกอร์สามารถยึดครองโลกได้สำเร็จ ด้วยเซลล์เมดัลที่พวกนั้นเก็บได้ และนำไปสร้างเป็นช็อคเกอร์กรีด ปีศาจที่สามารถเอาชนะดับเบิ้ลไรเดอร์ และจับทั้งสองคนไปล้างสมองจนกลายเป็นมนุษย์ดัดแปลงที่สมบูรณ์แบบตามอุดมคติของช็อคเกอร์ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ไม่มีมาสค์ไรเดอร์ถือกำเนิดต่อจากนั้นอีกเลย….(ยกเว้นเดนโอกับนิวเดนโอที่เป็นจุดเหนือกฎเกณฑ์ และโอสที่เพิ่งข้ามเวลามา)
และเพื่อหยุดยั้งเรื่องวินาศสันตะโรในครั้งนี้ เหล่าคนที่ตั้งเป้าจะล้มล้างระบอบช็อคเกอร์จึงได้เดินทางย้อนเวลาเพื่อรวบรวมมณีทั้งหดเม็ด เพื่อดีดนิ้วให้โลกกลับมาสงบสุข ไม่ใช่แล้ว!! ย้อนเวลาไปตามเก็บเมดัลที่ตกหล่นในปี 1971 ให้หมด แต่ทว่า… มันไม่ง่ายเหมือนการรวบรวมมณีเพื่อขอพรจากเทพเจ้ามังกรร่ะสิ (เฮ้อ… เอาเข้าไป…) เพราะว่าหลังจากนั้นก็ได้เกิดความปั่นป่วนกับไทม์ไลน์มากมายก่ายกอง แต่เข้าเรื่องเลยละกัน เอาเป็นว่าหลังจากความปั่นป่วนนั้น สุดท้าย ดับเบิ้ลไรเดอร์ก็กลับมาอยู่ฝ่ายธรรมะ และต่อสู้ห้ำหั่นกับองค์กรช็อคเกอร์อย่างสุดความสามารถ แม้ว่าฝ่ายอธรรมจะงัดไม้เด็ดสุดอลังการล้านแปดมาสยบ แต่มาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 ก็ได้ยืนหยัดที่จะต่อสู้ต่อไป แม้ว่าเบื้องหน้าจะเป็นปีศาจหินผาสูงเทียมภูเขาก็ตาม
“จนกว่าจะกำจัดช็อคเกอร์ได้ มาสค์ไรเดอร์ไม่มีทางตายหรอก!”
(มาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 ให้เสียงโดย ฟุจิโอกะ ฮิโรชิ)
อย่างที่ฟุจิโอกะซังได้พากย์ไว้ มาสค์ไรเดอร์ยังคงยืนหยัดที่จะต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายอยู่เสมอ ตราบใดที่มันยังคงอยู่รังควาญความสงบของโลก มาสค์ไรเดอร์ก็จะคอยกำจัดให้สิ้นซากเหมือนที่เคยทำมาตลอด 40 ปี และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นผลงานการกลับมาร่วมงานในฐานะมาสค์ไรเดอร์อีกครั้งของฟุจิโอกะซัง และซาซากิ ทาเคชิ(มาสค์ไรเดอร์หมายเลข 2) แม้จะมาแค่เสียง แต่องค์ประกอบทั้งหมดของภาพยนตร์ก็สมกับการฉลองครบรอบ 40 ปีของมาสค์ไรเดอร์แล้ว
(เอาจริงๆ ถ้าดูจากบท ผมว่ามันไม่มีพื้นที่ให้ร่างมนุษย์ของฮอนโก ทาเคชิ และ อิจิมอนจิ ฮายาโตะ ออกมาแสดงตัวเลย นอกจากช่วงท้ายของเรื่อง ซึ่งตรงนี้ก็เอาไปเล่นเรื่องประเด็นของสายสัมพันธ์ที่ผิดเพี้ยนจนผมต้องอุทาน WTF! ในใจไปแล้ว…)
ครั้งที่ 3 – Heisei Rider vs. Showa Rider : Kamen Rider Taisen feat. Super Sentai
ภาพยนตร์ฉลองเนื่องในโอกาสที่มีเฮเซไรเดอร์ครบ 15 ตัวเท่ากับโชวะไรเดอร์(จริงๆไม่ค่อยอยากใช้คำว่าครบรอบ 15 ปี เท่าไหร่ เพราะมันไม่ใช่อ่ะ มันแหว่งเพราะเวลาฉายของดีเคดอ่ะ เอาเป็นว่า ใช้คำว่าเฮเซไรเดอร์ครบ 15 ตัวดีกว่าละกัน) และเมื่อโตเอะได้ปั้นเฮเซไรเดอร์ให้มีจำนวนเท่ากับโชวะไรเดอร์แล้ว ก็จับกลุ่มมาสู้กันซะเลย โดยเรื่องมันเริ่มต้นที่ว่าฮอนโก ทาเคชิ(นำแสดงโดยฟุจิโอกะซังเนี่ยแหละ) ได้เกิดวิกฤติวัยกลางคนจนสมองเบลอ(มั้ง?) และจู่ๆก็ป่าวประกาศว่าเฮเซไรเดอร์มันห่วย มีความเป็นฮีโร่แค่ครึ่งๆกลางๆ ไม่สมควรจะใช้ชื่อมาสค์ไรเดอร์ทำมาหากิน จึงทำให้เกิดศึกสงครามระหว่างเหล่ามนุษย์ดัดแปลงรุ่นลุงกับเหล่าคนสวมเข็มขัดวิเศษรุ่นหลาน แม้ว่าจะมีองค์กรร้ายบาดันที่กำลังก่อเหตุร้ายแทรกเข้ามาจนทำให้เหล่าลุงและหลานหันมาสามัคคีปราบเหล่าร้าย พอหลังจากปราบเสร็จ จู่ๆ ทาเคชิก็ได้เดินเข้ามาพร้อมกับเหล่าลุงๆอีก 14 คน พร้อมบอกหลานๆว่ามันยังไม่จบนะ ถึงยังไงอั๊วก็มองว่าพวกลื้อไม่เอาไหนอยู่ดี ดังนั้น มาสู้กันต่อ!! ส่วนแก๊งหลานๆที่นำทีมโดบคาสึระบะ โคตะ(นำแสงโดย ซาโนะ กาคุ)ก็ได้รับคำท้า ก็มาดิค้าบบบ!! (อันหลังไม่น่าใช่…) จนทำให้สงครามระหว่างคนสองเจนได้ถือกำเนิดอีกครั้ง แถมยังให้คุณผู้ชมโหวตอีกด้วยว่าอยากให้ใครเป็นฝ่ายชนะ
แต่ถึงแม้ว่าฝ่ายไหนจะชนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายที่แพ้ทั้งหมดจะลงไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มกันทั้งแก๊งนะ ถึงแม้ว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยทั้งสองฝั่งก็ได้เรียนรู้ถึงความหมายของการเป็นฮีโร่ที่แท้จริง อย่างในฉากที่แก๊งเฮเซไรเดอร์เป็นฝ่ายชนะ เพราะว่ามาสค์ไรเดอร์ไกมุยอมเสียสละเอาร่างกายตัวเองเป็นการ์ดป้องกันไรเดอร์คิ้กจากมาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 เพราะจะปกป้องดอกไม้เล็กๆดอกเดียว ที่ดูไม่น่าจะมาขึ้นตรงชายฝั่งทะเลได้… จึงทำให้ทาเคชิยอมใจโคตะ และยกย่องให้เขาเป็นมาสค์ไรเดอร์อย่างสมบูรณ์ เรียกเป็นภาษาบ้านๆก็คือ ลื้อได้รุ่นแล้ว จากนี้ไม่ต้องห้อยป้ายชื่อมาเรียนแล้วนะ
“ถึงแม้ต้องสละตัวเองก็ตาม ก็ยังเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อดอกไม้ดอกเดียว ความอ่อนโยนที่ก้าวข้ามความแข็งแกร่งนั่น อาจเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงก็ได้”
(ฮอนโก ทาเคชิ)
จริงอยู่ที่เราจะมองว่าความอ่อนโยนคืออันเดียวกับความอ่อนแอ แต่ความอ่อนโยนเนี่ยแหละที่ทำให้เราเข้าใจในสุนทรีย์ของโลก เข้าใจความเป็นไปของโลกและความรู้สึกของมนุษย์ จนทำให้วีรบุรุษมีแรงฮึดมากยิ่งขึ้นและยังกล้าที่จะยืนหยัดพิทักษ์โลกเพื่อรักษาสุนทรีย์และให้ความเป็นไปของโลกยังคงสวยงาม เพราะเหตุนี้ความอ่อนโยนถึงสามารถก้าวข้าวความแข็งแกร่งไปได้ บางที่ความแข็งแกร่งที่มากจนเกินไปก็อาจกลายเป็นความแข็งกระด้างได้เช่นกัน
การปรากฏตัวออกหน้ากล้องอย่างเต็มรูปแบบในฐานะฮอนโก ทาเคชิในรอบ 38 ปีของฟุจิโอกะซัง แม้ว่าเขาจะปรากฎตัวแค่สามฉาก แต่ก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆไรเดอร์เป็นอย่างมาก และเชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นฟุจิโอกะซังลงมาสอนมวยหลานๆเฮเซไรเดอร์กัน(แต่จาก Paragraph ที่แล้ว ก็ไม่รู้ว่าใครสอนมวยใครกันแน่?) ซึ่งก็สมหวังแล้วละนะ สำหรับแฟนๆโชวะไรเดอร์ และแฟนๆที่ติดตามมาสค์ไรเดอร์มาโดยตลอด
ครั้งที่ 4 – Kamen Rider 1
ภาพยนตร์ฉลอง เอ่อ…. เนื่องในโอกาสที่โตเอะขี้เกียจทำ Super Hero Taisen ล่ะมั้ง?? เลยทำภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาให้มาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 เป็นตัวเด่นซะเลย เอาให้คุ้มกับที่ดึงฟุจิโอกะซังมาเล่นได้ เรื่องมันมีอยู่ว่า ฮอนโก ทาเคชิได้ออกเดินทางไปทั่วโลก เพื่อปราบเหล่าร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ และเขาก็ได้กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อต่อสู้กับองค์กรช็อคเกอร์ ที่คราวนี้ไม่ได้มีแค่ช็อคเกอร์นี้ช็อคเกอร์เดียว แต่ยังมีโนว่าช็อคเกอร์ที่แยกตัวมาพร้อมกับเป้าหมายที่จะยึดครองระบบเศรษฐกิจของโลกซะ พีคมาก!! นี่มันตัวร้ายทุนนิยมนี่หว่า และนอกจากทาเคชิจะต้องมารับมือกับช็อคเกอรทั้งสองทีมแล้ว ยังต้องมาตามง้อเด็กที่เป็นหลานสาวของลุงทาจิบานะ โทเบ้อย่าง ทาจิบานะ มายุ(นำแสดงโดย โอคาโมโต้ นัตสึมิ)อีกต่างหาก คือ… มองจากภายนอกก็รู้แหละว่าสองคนนี้เป็นลุงหลานบุญธรรมกัน แต่ไดอะล็อคพูดที่ทั้งสองคนคุยกัน มันไม่ใช่อ่ะ มันไม่ใช่ประโยคที่ลุงหลานเค้าพูดกันอ่ะ แบบ “เธอทิ้งฉันให้อยู่คนเดียว รู้มั้ยฉันเหงาแค่ไหน” “ไม่เป็นไรนะ ต่อจากนี้ไปฉันจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเธอเอง” และยิ่งมีฉากแบบกินข้าวร้านหรูด้วยกัน ซื้อเสื้อผ้าด้วยกัน ไปสวนสนุกด้วยกัน คืออาจจะมีลุงหลานที่สนิทกันจนถึงขั้นทำกิจกรรมแบบนี้ด้วยกันจริงๆ แต่เมื่อมารวมกับไดอะล็อคพูดแบบที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็นั่นแหละครับ มันอดคิดให้เป็นความสัมพันธ์แบบคนรักไม่ได้จริงๆ…
นอกจากทาเคชิจะมีสตอรี่เดี่ยวๆเป็นของตัวเองโดยไม่มีไรเดอร์ตัวอื่นมาหารแอร์ไทม์เลยนอกจากรุ่นน้องคนล่าสุดอย่างมาสค์ไรเดอร์โกสต์ ซึ่งลุงก็นุ่มนวลกับทาเครุ(นำแสดงโดย นิชิเมะ ชุน)ซะเหลือเกิน ไม่ขึงขังเหมือนตอนเจอกับโคตะเลย เข้าเรื่อง นอกจากจะมีสตอรี่ของตัวเองยาวๆแล้ว ยังมาพร้อมกับร่างใหม่ เพื่อให้สมดุลกับขนาดตัวของฟุจิโอกะซังอีก(แต่เท่ห์มากนะ ดูแข็งแกร่งตามยุคสมัยดี) สมกับที่เป็นภาพยนตร์ปิดตำนานมาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 จริงๆ มันอิ่มเอมซะแบบ ต่อให้ฟุจิโอกะซังไม่กลับมาเล่นบทฮอนโก ทาเคชิอีกต่อไป ผมก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ(แต่ก็อยากให้มาในบทอื่นๆแบบอากิโตะอยู่นะ)
“ไรเดอร์จะอยู่เคียงข้างพวกเธอเสมอ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็จะอยู่กับพวกเธอ จงมีชีวิตต่อไป จงดำรงอยู่สืบไป ไรเดอร์ จะอยู่คู่กับพวกเธอ”
(ฮอนโก ทาเคชิ กล่าวไว้กับผู้ชอบตอนจบ)
จิตวิญญาณของมาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 จะยังอยู่กับแฟนๆไรเดอร์เสมอ ไม่ว่าตอนนี้จะอยู่ในยุคเรวะแล้ว แต่จิตวิญญาณของมาสค์ไรเดอร์จะยังแข็งแกร่งเสมอ….
เชื่อว่าหลายคนได้เห็นบทบาทของฟุจิโอกะซังต่อเฮเซไรเดอร์แล้ว คงแอบอยากจะให้นักแสดงเจ้าของบทบาทเฮเซไรเดอร์คนแรกอย่างโอดางิริ โจกลับมาสอนมวยเรวะไรเดอร์บ้าง ถึงตอนนี้อาจจะยังไม่มีโอกาส แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ ผมมักจะพูดเสมอว่า ทุกปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลก เมื่อถึงเวลาที่ลงตัวเมื่อไหร่ มันก็จะเกิดขึ้นมาเอง ฟุจิโอกะซังก็เช่นกัน ก่อนที่เขาจะมาปรากฏตัวในภาพยนตร์มาสค์ไรเดอร์อีกครั้ง หลายคนก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน แต่สุดท้ายเขาก็มาจนได้ ทุกอย่างต้องใช้เวลารอคอย รอให้อะไรหลายๆอย่างมันลงตัว แล้วเขาจะกลับมาเอง
ขอบคุณฟุจิโอกะซังที่อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับเหล่ามาสค์ไรเดอร์มาโดยตลอด เข้าสู่ยุคที่สามของมาสค์ไรเดอร์แล้ว แต่ลุงก็ยังคงเป็นฮอนโก ทาเคชิ เป็นมาสค์ไรเดอร์หมายเลข 1 และเป็นตำนานของเหล่าไรเดอร์ทั้งปวงสืบไป