เฮ้อออออออ…. แค่ได้ยินชื่อนี้ เชื่อว่าหลายคนก็รู้สึกอยากจะถอนหายใจยาวๆ แล้ว นับตั้งแต่ที่เชื้อไวรัสตัวนี้ได้อุบัติขึ้น และแพร่กระจายไปทั่วโลก ชนิดที่ว่า ถ้าเปรียบกับองค์กรร้ายในหนังฮีโร่ญี่ปุ่น ก็คงเป็นองค์กรร้ายที่สามารถยึดครองโลกได้กว่าครึ่งใบแล้ว และเหล่าฮีโร่ผู้กล้า ซึ่งก็คือคุณหมอ พยาบาล จิตอาสา และอีกมากมายก็ได้พยายามอย่างหนัก สละทั้งแรงกายและเวลา เพื่อต่อสู้กับโรคร้ายนี้ให้หมดสิ้น เพื่อให้พวกคุณสามารถก้าวเท้าออกจากบ้าน กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง
และในระหว่างที่พวกคุณต้องกักตัวอยู่แต่ในที่พัก ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม คุณก็คงรู้สึกเซ็งๆ กันใช่มะ? ขนาดผู้เขียนที่ไม่ได้ออกไปไหนเกือบเดือน นอกจากจะรู้สึกโหยหาการออกไปข้างนอกแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีในแต่ละวัน และการเปิดโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มือถือเพื่อหาอะไรดูก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ในขณะที่คุณกำลังเพลิดเพลินกับมหรสพที่สามารถดึงมาเสพที่บ้านได้ง่ายๆ อยู่นั้น ตัดภาพมาที่เหล่าบรรดาบุคลากรที่อยู่ในอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงเหล่านี้ ที่วิกฤติไวรัส Covid-19 ต้องทำให้พวกเขาต้องกุมขมับ
พวกคุณอาจจะไม่ค่อยรู้สึกเดือดร้อนกับปัญหาของพวกเขาเท่าไหร่ ถ้าหากว่าซีรีส์ที่คุณกำลังดูอยู่นั้นได้ออนแอร์จนจบบริบูรณ์ไปแล้ว หรือว่ามันไม่ส่งผลกระทบอะไรกับโปรแกรมภาพยนตร์ที่คุณตั้งหน้าตั้งตารอที่จะรับชม
เพราะการผลิตสื่อบันเทิง มันไม่สามารถ Work From Home ได้ 100% ครับ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ทำให้เหล่าทีมงานไม่สามารถออกมาทำงานได้ โดยเฉพาะขั้นตอน Production ที่ต้องลงไปทำงานนอกสถานที่ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องหยุดงาน หยุดการผลิตไปตามระเบียบ แต่บางเจ้าก็สามารถถ่ายทำในสตูดิโอหรือสถานที่ของตัวเองได้ อย่างมวยปล้ำอาชีพสมาคมดังๆ ในอเมริกา ที่ปกติจะเดินสายไปตามรัฐต่างๆ จัดการแข่งขันในฮอลล์ใหญ่ๆ เปิดให้คนเข้าไปชมพร้อมบันทึกเทป พอมี Covid-19 ปุ๊บ ก็ปรับแผนงาน กลับไปถ่ายทำในสนามของตัวเอง ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าจะทำอย่างนั้นได้ตลอด เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ในกองถ่ายจะมีทีมงานคนไหนที่มีเชื้อร้ายนี้อยู่ในตัว? และพอถึงเวลาที่เรารู้ปุ๊บ ก็ต้องมานอนจับเจ่า แยกกับครอบครัวเป็นเวลา 14 วันเพื่อดูอาการตัวเอง ส่วนการถ่ายทำไม่ต้องพูดถึงครับ หยุดถ่ายสถานเดียว
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกครับที่ช่วงนี้ วงการภาพยนตร์แทบทั่วโลกจะเต็มไปด้วยข่าวหนังเรื่องนู้นเรื่องนี้ที่ออกมาเลื่อนวันฉายออกไปกันเต็มไปหมด หรือแม้แต่บางเรื่องที่มีกำหนดฉายปีหน้าก็ยังหนีไม่พ้นโรคเลื่อนกับเขา ซึ่งก็เป็นผลมาจากกระบวนการผลิตภาพยนตร์ที่ต้องหยุดชะงักไปยาวๆ นั่นเอง เพราะการจะกำหนดวันฉายได้นั้น มันไม่ใช่แค่ติดต่อพ่อหมอช่วยดูฤกษ์ให้นะครับ มันเกิดจากการคำนวณเวลาผลิตงานตลอดทั้งกระบวนการ รวมไปถึงการโปรโมทด้วย คือเขาคิดมาเป็นอย่างดีแล้วว่า ภาพยนตร์จะสามารถเสร็จสมบูรณ์พร้อมฉายก่อนจะถึงวันนั้นได้ 1,000% แน่นอน และพอมีการหยุด เวลาทำงานก็หายไปฟรีๆ การเลื่อนกำหนดการออกไปจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่ผู้ผลิตคิดแล้วว่าจะทำให้ภาพยนตร์สามารถออกสู่สายตาประชาชนได้อย่างมีคุณภาพ หรือต่อให้บางเรื่องจะตัดต่อเสร็จแล้ว(หรือใกล้เสร็จแล้ว) เตรียมรอฉายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เขาก็ยังเลื่อนออกไปก่อนเลยครับ เพราะสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้ไม่ประกาศปิดโรงหนัง ผู้คนส่วนใหญ่คงไม่กล้าตีตั๋วเข้าไปชมกันหรอก ซึ่งนั่นก็หมายถึงรายได้ภาพยนตร์ที่จะลดน้อยลงกว่าที่ควรเป็น ต่อให้หนังจะดีแค่ไหน แต่ถ้าคนดูน้อย ก็จบเห่ครับ… ยอมเลื่อนไปช่วงเวลาดีๆ รับทรัพย์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยตามคุณภาพของมันดีกว่าครับ
ยิ่งพวกสื่ออะไรที่ต้องฉายเป็นตอนๆ ทุกสัปดาห์อย่างละคร ซีรีส์ รายการโทรทัศน์ ยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะส่วนใหญ่จะทำกันแบบ ถ่ายเสร็จ ตัดต่อ แล้วส่งออกอากาศ ตอนต่อตอน ส่วนระยะห่างระหว่างเริ่มถ่ายกับออนแอร์ ก็แล้วแต่เจ้าเลยว่ามีมากน้อยแค่ไหน? และแน่นอนว่า พอไวรัสระบาดหนักจนต้องมาหยุดกองถ่ายปุ๊บ งานเข้าเลยทีนี้ ถึงจะมีไอ้ที่ถ่ายแล้ว รอตัดต่อไว้ล่วงหน้ายาวแค่ไหนก็เถอะ แต่สถานการณ์มันเอาแน่เอานอนไม่ได้ไง พวกเขาแทบไม่รู้เลยว่าจะได้ออกกองกันอีกทีเมื่อไหร่ หรือถ้าบางเจ้าที่จ้าง Outsource มาทำในส่วนของ Post-Production แม้ว่าเขาจะอยากทำงานต่อใจจะขาด แต่ถ้า Outsource เลือกที่จะหยุดงาน ก็ไปต่อไม่อยู่ดี… ดังนั้นก็เหลือทางเลือกเดียว คือต้องหยุดออกอากาศไปก่อนชั่วคราว ให้สถานีโทรทัศน์เอาโปรแกรมอื่นมาออนแอร์ขัดตาทัพไปก่อน พอสถานการณ์สงบลงค่อยออนแอร์ต่อ เชื่อเลยว่า คนที่ตามดูเกือบร้อยทั้งร้อยคงมีช็อคซีนีม่า และลงแดงกันบ้างล่ะ แค่หยุดไปสัปดาห์นึงบางคนก็แทบคลั่งแล้ว นี่เล่นหยุดยาวกันเลย… แต่ถ้ามองในแง่ดีก็… คิดซะว่าพักเบรกครึ่งซีซั่นแบบซีรีส์ฝรั่งละกัน ระหว่างนั้นก็ให้ความรู้สึกคนดูคอยกระตุ้นว่าเรื่องราวมันจะไปต่อยัง เพื่อเรียกความกระหายในการดูมันมากขึ้น หรือไม่ก็เป็นโอกาสที่คนที่ไม่เคยดูผลงานนั้นๆ มาเริ่มเสพผลงานให้ทันก่อนที่จะกลับมาฉายต่อ
ก็อย่างที่บอกล่ะครับ Covid-19 มันส่งผลกระทบไปทั่วทุกหย่อมหญ้าจริงๆ อย่าว่าแต่ผู้ผลิตที่ซวยเพราะต้องหยุดทำงานเลย ฝั่งผู้จัดหน่าย คนที่ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนท์จากผู้ผลิตมาขายอีกต่อก็เหมือนกัน ถึงจะมีคอนเทนท์ที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว เพียงแค่เอามาขายก็จบแล้วก็เถอะ ถ้าเป็นคอนเทนท์สำหรับออกอากาศทางโทรทัศน์หรือระบบ Video on Demand ก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์ล่ะ? โดยเฉพาะพวกภาพยนตร์จากแดนอาทิตย์อุทัย ที่บ้านเราฉายช้ากว่าบ้านเขาเป็นอย่างมาก บางเรื่อง ที่นู่นเขาขายแผ่นกันเป็นชาติแล้ว แต่ก็เพิ่งเอามาฉายโรงก็มี ทุกวันนี้ สิ่งที่เรียกว่าอินเทอร์เน็ตก็เริ่มมีพลังพอที่จะสามารถทำให้ผู้คนได้รับรู้แทบทุกข้อมูลบนโลก โดยเฉพาะการชมภาพยนตร์ที่ฉายในต่างแดน เลยทำให้ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเริ่มฉายในต่างประเทศเร็วขึ้นมาหน่อย แม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้เร็วถึงขั้นฉายวันเดียวกับประเทศเขาก็เถอะ แต่ก็ยังอยู่ในช่วงก่อนที่เขาจะผลิตแผ่นออกขายอยู่ดี เพื่อไม่ให้ไกจินอย่าเราๆ หาดูเถื่อนได้ยังไงล่ะ(ส่วนแบบซูมไม่ต้องพูดถึงครับ เพราะที่นั่นกฎหมายตรงนี้โหดมาก คุก 10 ปี ปรับ 10 ล้านเยน ราวๆ สามล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเชียวนะ) และพอไวรัสทำพิษ รัฐบาลประกาศปิดโรงหนังเดือนกว่าๆ ก็ต้องเลื่อนฉายอย่างขัดขืนไม่ได้ จนบางที ทางนู้นเขาทำแผ่น หรือปล่อยให้โหลดแบบถูกกฎหมายไปแล้ว แต่เรายังไม่ได้แม้แต่จะทราบกำหนดฉายใหม่ในบ้านเราเลย…
และสิ่งที่ตามมา ซึ่งเรียกว่าเป็นฝันร้ายของผู้ถือลิขสิทธิ์เลยก็คือ ไฟล์ Raw ของคอนเทนท์นั้นๆ ที่มาจากคนที่ซื้อมาแล้วปล่อยให้ดูฟรีๆ จนเกลื่อน ถ้าดูเถื่อนแล้วยังตั้งใจที่จะตีตั๋วไปดูในโรงอีกครั้ง มันก็ดีไป แต่คนบางส่วนไม่ใช่อย่างงั้นไง… ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้ถือลิขสิทธิ์จะต้องหาทางรับมือ ต้องทำยังไงถึงจะโน้มน้าวให้คนยอมเสียเงินให้กับสิ่งที่สามารถหาดูได้แบบฟรีๆ นอกเหนือจากวิธีบอกว่า อุดหนุนของถูกลิขสิทธิ์กันเถอะนะคร้าบบบบ ซึ่งผมก็คงไม่อาจแนะนำวิธีได้ แต่เอาเป็นว่า เป็นกำลังใจให้นะครับ
ยังไงซะ สถานการณ์ก็จะกลับมาเป็นปกติในเร็ววันแน่นอน ถึงกระนั้น ก็ขอให้อดทนรอวันที่จะได้รับชมคอนเทนท์ใหม่ๆ จากเหล่าผู้ผลิตกันอีกครั้ง ระหว่างนั้น อยู่แต่ในบ้านก็เปิดแอพสตรีมมิ่ง หาเรื่องเก่าๆ ที่ไม่เคยดู ดูกันไปก่อน บางทีคุณอาจจะรู้สึกชื่นชอบมัน จนแอบคิดว่า “ทำไมฉันเพิ่งมาดูเอาตอนนี้วะเนี่ย?” ก็ได้นะครับ