มาถึงญี่ปุ่นทั้งที อยากเจอนักแสดงหนังแปลงร่างตัวเป็นๆ งั้นเหรอ? หา… อยากฟังเพลงด้วย? อยากดู Live Show ของเหล่าฮีโร่ตัวโปรดอีก? โห… โจทย์หนักเลย แล้วมันควรจะไปที่ไหนเพื่อให้ Mission Complete ดีเนี่ย? บุกกองถ่ายเหรอ? โนวๆๆ หยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้เลย เพราะมันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้นครับ
ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 นู่นเลย ตอนนั้นเป็นปีที่มาสค์ไรเดอร์เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 40 ปีอย่างมาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ่ ได้ฉายไปแล้วครึ่งซีซั่น และยังเป็นปีที่ซูเปอร์เซนไทขบวนการที่ 35 อย่างโกไคเจอร์กำลังจะถึงจุดไคลแมกซ์พอดี และไหนๆ เลขมันก็ลงท้ายด้วย 0 และ 5 เหมาะกับการเฉลิมฉลองครบรอบตามสมัยนิยมแล้ว เขาก็เลยจัดงานอีเวนท์ในฮอลล์ใหญ่ๆ ที่ชื่อว่า “Kamen Rider X Super Sentai : LIVE & SHOW 2012” ขึ้นมา โดยนอกจากจะเชิญนักแสดงหลักของมาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ่และขบวนการโจรสลัดโกไคเจอร์มาโชว์ตัวให้แฟนๆ ได้เจอกันแบบตัวเป็นๆ แล้ว ยังมีคอนเสิร์ตสุดมันส์จากเหล่าศิลปินเจ้าของบทเพลงที่เราฟังก่อนจะดูฮีโร่ฟาดฟันกับสัตว์ประหลาดทุกสัปดาห์อีกด้วย และด้วยกระแสตอบรับที่ดีมาก จนทำให้งานนี้ถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ไรเดอร์และเซนไทตัวใหม่ในทุกๆ ปีก็มาเป็นตัวชูโรงทุกครั้ง นักแสดงเรื่องใหม่ๆ ก็ผลัดกันมาโชว์ตัวตลอด จนถึงปัจจุบัน ส่วนศิลปิน เจ้าประจำเลยก็มี Kamen Rider GIRLS, Rider Chips ตอนนี้ก็มี Beverly ที่เริ่มมาบ่อยแล้ว และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ศิลปินที่ร้องเพลงประกอบซีรีส์ใหม่ ก็ต้องมาขับร้องเพลงนั้นกันสดๆ ในงานเช่นกัน
แล้วภายในงานนั้นมีอะไรบ้าง?
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในอาณาเขตงาน สิ่งแรกที่คุณจะพบเลยก็คือ บูธขายของขนาดใหญ่ ซึ่งเขาจะขายสินค้าที่ระลึกพิเศษสำหรับงานๆ นี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวกับไรเดอร์และเซนไท ถ้าใครอยากจะซื้อของล่ะก็… แนะนำว่าให้มาแต่เช้า เพราะคนจะเริ่มต่อแถวกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย บอกเลยว่าเยอะพอๆ กับแถวซื้อโฟโต้เซ็ต BNK ยุคเฟื่องฟูอีกคุณ
และพอเข้าไปในฮอลล์ คุณจะพบกับแคตตาล็อคสินค้าหนึ่งชุดบนเก้าอี้ ซึ่งข้างในก็มีทั้งโฆษณาดีวีดี บลูเรย์ ซีดีเพลงของไรเดอร์และเซนไทที่กำลังจะวางขายในช่วงเวลาใกล้ๆ หรือแม้แต่แผ่นบันทึกการแสดงสดที่กำลังจะได้ดูในไม่กี่อึดใจ เขาก็จะระบุในนั้นเลยว่าจะทำออกมาขายวันไหน? เผื่อใครประทับใจแล้วมูฟออนไม่ได้ อยากดูอีก ก็จะได้เตรียมใจว่าต้องรออีกนานเท่าไหร่? และแน่นอนว่า สามารถเอากลับบ้านไปได้นะครับ
มาดูในส่วนของการแสดงบ้างดีกว่า หลักๆ จะมีอยู่สามส่วนด้วยกัน ส่วนแรก คือ Announcement จะอยู่ในช่วงแรกของการแสดง(และไม่น่าจะถูกจับใส่ลงในแผ่น) โดยโตเอะมักจะประกาศโปรเจกค์ต่างๆ อย่าง Exclusive ครั้งแรกในนี้ แต่… ความรู้สึกผมนะ ตอนแรกที่เขาประกาศคือ ว้าว! เซอร์ไพรส์! เราแม่งรู้สึก Exclusive จังเลยที่รู้ก่อนใครในโลก แต่พอออกจากฮอลล์ หยิบมือถือ เปิด SNS เท่านั้นแหละ อ้าว… เพื่อนๆ ในไทยเขารู้กันหมดเลย… อย่างปีที่ผมไป เขาประกาศสองเรื่อง คือ Rider Time ซีรีส์ขนาดสั้นเรื่องใหม่ของมาสค์ไรเดอร์จิโอ ที่ดำเนินเรื่องโดยตัวละครจากมาสค์ไรเดอร์ริวคิ และก็สินค้าจากมาสค์ไรเดอร์เดนโอ ที่ทำการ Collab กับเฮลโล คิตตี้ ซึ่งก็มีคุณนากามุระ ยูอิจิ นักแสดงเจ้าของบทบาทมาสค์เดอร์เซโรนอสมาโชว์ตัวด้วย
ส่วนที่สองคือ Talk Show ซึ่งเหล่านักแสดงนำจากซีรีส์มาสค์ไรเดอร์และซูเปอร์เซนไทเรื่องล่าสุดในตอนนั้น จะขึ้นมาพูดคุยกัน โดยมี MC คอยเป็นสื่อกลาง ถ้าใครที่ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ตรงนี้อาจจะดูน่าเบื่อไปสักนิดนึง แต่การมาเห็นนักแสดงตัวเป็นๆ ที่บางทีก็ทำตัวน่ารักๆ บ้าง มันก็ชุ่มชื่นหัวใจแล้ว
และส่วนสุดท้ายคือ Concert ที่เหล่าศิลปินเพลงหนังแปลงร่างจะผลัดกันขึ้นมาขับขานบทเพลง โดยที่ Setlist เพลงของไรเดอร์กับเซนไตจะไม่ผสมกัน ไรเดอร์ก็ไรเดอร์ยาวๆ เซนไทก็เซนไทยาวๆ เพื่ออรรถรส และในระหว่างที่ศิลปินกำลังร้องเพลงอย่างออกรสอยู่นั้น ก็จะมีตัวฮีโร่ประจำเพลงขึ้นมาบนเวทีระหว่างแสดง บ้างก็ออกมาโพสท่าแปลงร่าง แล้วเดินโชว์ตัวเท่ๆ บ้างก็มาพร้อมกับศัตรู แล้วพุ่งเข้าใส่กันกลางเวทีประหนึ่ง Live Action ขนาดย่อมเลย บอกเลยว่าหาดูแบบนี้ที่ไหนไม่ได้แน่นอน
ฟังถึงตรงนี้แล้ว อยากจะไปดูกันละซี่… หึๆๆ เสียใจด้วยนะครับ ปีนี้เขาแสดงไปแล้ว โดยงาน Kamen Rider X Super Sentai : LIVE & SHOW (เอ่อ… ผมขอเรียกสั้นๆ ด้วยชื่อภาษาถิ่นว่า “งานเอย์ยูไซ” ก็แล้วกัน) เนี่ย เขาจะจัดขึ้นในช่วงต้นปีเนี่ยแหละ โดยงานครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในโยโกฮาม่า อารีน่านั้น เขาเล่นกันไปตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมแล้ว เล่นกันจนขายแผ่นไปแล้วครับ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ต้องเสียใจไปครับ ปีหน้ายังมี รอโควิดหายไปพลางๆ ก่อนครับ ระหว่างนั้นก็เก็บตังค์ไปเรื่อยๆ
เอาล่ะ ไหนๆ ก็เขียนถึงงานเอย์ยูไซแล้ว งั้นผมจะมาแชร์วิธีการเผื่อคุณผู้อ่านอาจจะอยากจะไปงานนี้สักครั้งในชีวิตกันครับ ซึ่งแน่นอนครับ ผมไปมาแล้ว….
เริ่มจากการตามข่าวการจัดงานเลย อันนี้ง่ายๆ ครับ กด Like เพจฮีโร่ดังๆ ไว้ครับ อย่าง… J-HERO.COM เป็นต้น ทางนั้นประกาศวันจัดงานเมื่อไหร่ เดี๋ยวเขาก็เอาข่าวมาลง ส่วนรายละเอียดการจองบัตรนั้น ถ้าอ่านไม่ออกจริงๆ ลองเข้าลิงค์ที่แนบมาแล้วก็อปไปวางใน Google Translate ครับ ไม่ก็ให้เพื่อนที่อ่านญี่ปุ่นออกช่วยอ่านให้ก็ได้ครับ
เมื่อทราบรายละเอียดแล้ว ตังค์พร้อมแล้ว ก็เตรียมจองบัตรครับ เนื่องจากว่าคอนเสิร์ตจัดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น และคอนเสิร์ตในญี่ปุ่น เราไม่สามารถจองได้โดยตรงจากนอกประเทศ แต่อย่างน้อย งานเอย์ยูไซเขาก็ไม่ได้ห้ามคนต่างชาติเข้าชม หรือระบุชื่อคนซื้อลงในตั๋วแต่อย่างใด สบายใจได้ครับ ด้วยเหตุนี้ครับเราจึงต้องใช้ตัวช่วยจากหนึ่งในสองข้อนี้ 1. เพื่อน พี่ น้อง ลุง ป้า น้า อา คนรู้จักของเราที่พำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ให้เขาช่วยจองตั๋วให้ 2. เอเยนต์ที่รับจองตั๋วมหรสพในประเทศญี่ปุ่น(ซึ่งผมเลือกข้อนี้) พยายามเลือกเจ้าที่ไว้ใจได้ และเช็คเครดิตให้ดีด้วยนะครับ
ถึงแม้ว่าเราจะให้คนอื่นจองตั๋วให้ก็ตาม แต่ตรงนี้ก็ควรรู้ไว้นะครับ ว่างานเอย์ยูไซนั้น เขาใช้ระบบจองบัตรแบบ Lotto หรือที่เรียกเป็นภาษาชาวบ้านว่าระบบสุ่มนั่นเอง ไม่เกี่ยวกับว่าเน็ตฉันแรง ฉันเข้าเว็บได้คนแรก หรือบัตรขาย 10 โมงเช้า แต่ฉันมานั่งรอหน้าแฟมิลี่มาร์ทตั้งแต่ตี 3 แล้วจะได้นะครับ ดวงล้วนๆ เข้าไปจองบัตรปุ๊บก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำบุญอย่างเดียวครับ แล้วรอผล แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจครับ เพราะยังมีรอบซื้อบัตรแบบปกติอยู่ ซึ่งก็เหลือแต่บัตรโซนบนๆ เข้าไปแล้ว ถ้าอยากจะได้ที่นั่งใกล้ๆ แบบเห็นหน้านักแสดงชัดๆ เว็บขายบัตรผีมีครับ ส่วนราคานั้น ก็หลักหมื่นอ่ะครับ และหมายถึงบาทนะ ไม่ใช่เยน
(เสริมนิดนึง ถ้าซื้อบัตรกับเอเยนต์ที่รับจอง บางเจ้าถึงจะเป็น Lotto แต่เขาก็อาจจะขอเก็บค่าบัตร ค่าดำเนินการเต็มจำนวนก่อน จองไม่ได้ค่อยคืนเงิน แต่ถ้าเจ้าไหนดีหน่อย เขาก็สามารถหาบัตรเข้าชมให้คุณด้วยทางอื่นได้ ในวงเงินที่คุณจ่าย หรือบางทีอาจจะให้เพิ่มเงิน ก็แล้วแต่เคสเลย)
และเมื่อคนที่คุณฝากซื้อบัตรสามารถหาบัตรมาให้คุณแล้ว ที่เหลือก็แค่ บินไปญี่ปุ่นแล้วรับบัตร ถ้าฝากคนรู้จักก็นัดรับง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นกรณีเอเยนต์ ส่วนมากมักจะส่งมายังที่พักของคุณแทน ซึ่งคุณก็ต้องอีเมลล์คุยกับทางที่พักที่คุณจองด้วยว่า สามารถรับของให้คุณได้หรือไม่?
เมื่อได้บัตรแล้ว ถึงวันแสดงแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางไปยังสถานที่จัดแสดง ซึ่งผมแนะนำว่าให้เปิด Google Maps เอานะครับ เพราะแต่ละปีจะมีการโยกย้ายสถานที่จัดงานเสมอ อย่างของปี 2019 จัดที่นิปปอนบูโดคัง ยังอยู่ในเมืองโตเกียว แต่พอมาปี 2020 ก็ต้องนั่งรถไฟออกไปยังโยโกฮาม่าแหน่ะ ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่สามารถลงรายละเอียดตรงนี้ได้ลึกเท่าไหร่ ถ้าไปถึงแล้วไม่รู้ว่าต้องเข้าฮอลล์ประตูไหน? พยายามสังเกตป้าย ซึ่งมีบอกตัวเท่าบ้านเลยครับว่าบัตรโซนไหนเข้าตรงไหน หรือไม่ก็ยื่นบัตรให้สตาฟดูก็ได้ครับ ตอนที่ผมไป ผมได้บัตรชั้นบนๆ แต่ทางเข้าทุกโซนของชั้นบนๆ จะเข้าทางเดียวกันหมด เมื่อบวกกับไม่มีการจัดแถว จึงทำให้ดูแออัดและมั่วซั่วมาก ถึงกระนั้นสตาฟก็เปิดประตูตรงเวลา แถมยังระบายคนเข้าไปได้อย่างรวดเร็วมากจนไม่อยากเชื่อ ขนาดงานคอนเสิร์ตบ้านเรามีการต่อแถวอย่างชัดเจนยังระบายคนไม่ไวเท่านี้เลย ก่อนถึงเวลาเข้างาน ผมอยู่ห่างจากจุดตรวจบัตรราวๆ 3 เมตร ถ้าเป็นบ้านเราจะใช้เวลาประมาณ 10 นาที นับจากเวลาประตูเปิด ถึงจะสามารถเข้าไปในงานได้ พอตัดภาพมาที่ญี่ปุ่น กลับใช้เวลาเพียงแค่เกือบ 2 นาทีเท่านั้น ไวจนเหลือเชื่อเลย…
พอเข้ามาในฮอลล์ปุ๊บ ระหว่างรอคนเข้างานเขาก็จะเปิดเพลงให้ฟัง พอชั่วโมงใกล้ๆ ก็เปิด VTR โฆษณานู่นนี่นั่น เหมือนคอนเสิร์ตบ้านเราเลย แต่ที่ต่างกันคือ เขาจะเปิดไฟฮอลล์ให้สว่างก่อน และพอใกล้ๆ โชว์ค่อยดับไฟ ซึ่งจะแตกต่างจากบ้านเราที่อึมครึมตั้งแต่เข้ามาเลย….
แนะนำเรื่องของการเข้าร่วมงานไปจนหมดแล้ว งั้นช่วงท้ายนี้ผมขอเล่าความประทับใจภายในงานแล้วกัน ผมนึกภาพไม่ออกหรอกครับว่าบรรยากาศภายในงานที่เกี่ยวข้องกับซูเปอร์ฮีโร่ญี่ปุ่นในแดนอาทิตย์อุทัยเป็นยังไง? ในบ้านเรา คนที่มาอีเวนท์แบบนี้ส่วนมากเป็นครอบครัวที่คุณลูกรบเร้าให้พามาดู วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ที่อยากมาดูเองจะเป็นส่วนน้อย แต่พอไปถึงงานที่นู่นจริงๆ โอ้โห… วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ที่อยากมาดูเองนั้นมีเยอะมาก ทั้งชายและหญิงเลย บางคนก็แต่งคอสเพลย์เป็นคาแร็คเตอร์ที่ชื่นชอบกันอย่างจัดเต็ม เห็นแล้วก็รู้สึกอบอุ่น ไม่เดียวดาย และไม่เคอะเขินใดๆ เลย
อีกอย่างที่ผมรู้สึกแปลกใจมากเลยก็คือ “แท่งไฟ” คือในงานมันมีแท่งไฟซิกเนเจอร์ของงานวางขายด้วย แถมเปลี่ยนได้หลายเฉดสีแบบแท่งไฟเชียร์ไอดอลเลย ผมก็สงสัยว่ามันต้องใช้ด้วยเหรอ?(คือผมไม่เคยดูบันทึกการแสดงสดมาก่อน) พอถึงช่วงแสดงปุ๊บก็เริ่มเข้าใจละว่าทำไมต้องใช้? คือทุกคาแร็คเตอร์ล้วนแต่มีสีประจำตัวกันอยู่แล้ว อย่างนักแสดงเซนไทจะเห็นได้ชัดมาก โอเค… เริ่มเก็ตแล้วใช่มั้ยครับ? นั่นแหละครับ ผู้ชมชื่นชอบใคร ก็เปิดแท่งไฟสีประจำตัวเขา แล้วโบกขึ้นมา เหมือนเชียร์ไอดอลเลยครับ อีกอย่าง พอถึงช่วงคอนเสิร์ต เพลงของฮีโร่คนไหนขึ้น ทั้งฮอลล์ก็จะพร้อมใจกันเปิดแท่งไฟด้วยสีประจำตัวของฮีโร่ตัวนั้นๆ อย่างคูกะก็เป็นสีแดง เบลดก็เป็นสีน้ำเงิน หรือถ้ามีมากกว่าสองสีขึ้นไป อย่างบิลด์งี้ เขาก็จะเปิดสีแดงบ้าง น้ำเงินบ้าง ผสมกันไป ส่วนของเซนไทก็ห้าสีรวมกันในฮอลล์เลยครับ เป็นภาพที่สวยงามและอลังการสำหรับผมมากเลย
ส่วนอารมณ์ร่วม ของผู้ชม ผมว่ามีพอสมควรเลยนะ ช่วงพูดคุยกับนักแสดงก็มีการกรี๊ด การหัวเราะบ้าง หรือช่วงคอนเสิร์ต พอฮีโร่ขึ้นมาบนเวทีปุ๊บ ก็จะมีการ… โว้ววววว!!!! ส่งเสียงกรี๊ดกัน ส่วนร้องเพลงก็มีบ้าง ผมก็ร้อง ร้องแบบตามความเข้าใจจนคนข้างๆ หันมามองแล้วทำหน้าแบบ “นี่ลื้อกำลังร้องภาษาอั๊วจริงดิ?” ถึงกระนั้นมันก็เป็นช่วงเวลาที่ประทับใจไม่รู้ลืมเลยจริงๆ ได้เจอนักแสดง(แม้จะอยู่ไกลลิบ) ได้มาสัมผัสงานอีเวนท์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมาสค์ไรเดอร์และซูเปอร์เซนไท บอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ ครับ
สุดท้ายนี้ก็อยากจะฝากอะไรอย่างหนึ่ง คอนเสิร์ตญี่ปุ่น ห้ามถ่ายรูปหรือวิดีโอระหว่างทำการแสดงโดยเด็ดขาดนะครับ บอกเลยว่าไม่น่าจบแค่โดนเชิญออกจากงานแน่ๆ….
