– อันนี้หลายคนคงพอทราบกันดีว่าทำไมซีรีส์นี้มีจำนวนตอนที่สั้นจัง ก็เพราะผู้สร้างต้องการแบ่งช่วงเวลาการขายของเล่นระหว่างคาเมนไรเดอร์ซีรีส์ กับซุปเปอร์เซนไตซีรีส์ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเพื่อความสบายกระเป๋าของผู้บริโภคที่สามารถเก็บเงินซื้อได้ตลอดปี
– OP ของเรื่องมีชื่อมาจากธีมหลัก ที่พระเอกต้องเดินทางไปทุก ๆ โลกของเหล่าไรเดอร์ (หรือแวะไปหาซุปเปอร์เซนไตตามใบสั่ง BANDAI)
– ที่ใช้การ์ดแปลงร่าง เพราะบันไดจะใช้ดีเคดเปิดตัวตู้เกม “กัมบาไรด์” นั่นเอง
– นอกจากนี้ตัวซีรีส์เองยังมีเป้าหมายที่จะดึงเอากลุ่มผู้ชมหน้าใหม่ และเก่าให้เข้ามารวมตัวกัน ด้วยการนำเอาความทรงจำเก่า ๆ ของคาเมนไรเดอร์ซีรีส์เรื่องที่ผ่านมาใส่ลงไปในรายละเอียด แม้กระทั่งชื่อตอนที่อ้างอิงแนวการเขียนจากซีรีส์นั้น ๆ อีกด้วย
– “มาซาฮิโระ อิโนะอุเอะ” ยอมรับว่าก่อนมาออดิทชั่น เจ้าตัวไม่ใช่แฟนหนังไอ้มดแดงเลยแม้แต่น้อย ทว่าเค้าเป็นแฟนของซุปเปอร์เซนไตซีรีส์มากกว่า
– “เรียวตะ มุราอิ” ผู้รับบทคูกะในเรื่อง หลังจากออดิทชั่นผ่าน เค้านั่งดูคูกะ 49 ตอนจบภายในสามวันเพื่อศึกษาแนวทางของ “โกได ยูสุเกะ” หรือคูกะในเวอร์ชั่นออริจินัล (แล้วทำไมเอ็งดูเป็นเบ๊จังเลยหว่า?)
– “โช ไอคาวะ” คนเขียนบทหลักได้ออกจากตำแหน่งหลังเขียนไปได้ 13 ตอน เพราะมีความเห็นที่ไม่ตรงกับโปรดิวเซอร์
“ชินอิจิโร่ ชิราคุระ” ในเรื่องของแนวทางซีรีส์ ทำให้ในตอนที่ 14
เป็นต้นไป “โชจิ โยเนะมูระ” เข้ามารับตำแหน่ง Head Writer แทน
– ต่อจากข้างบน โช ไอคาวะ ไม่กลับมาแตะต้องงานเขียนบทคาเมนไรเดอร์ซีรีส์อีกเลย จนกระทั่งคาเมนไรเดอร์วิซาร์ดมาถึงตอนจบ ทีมงานคิดจะสร้างตอนพิเศษเพิ่มอีก 2 ตอน (ตอนที่ 52 – 53) ซึ่งตอนพิเศษที่ว่านั้นโปรดิวเซอร์คิดว่าจะต้องเอาตัวละครที่พิเศษจริง ๆ มาเป็นแขกรับเชิญ และทุกความเห็นก็ตรงกันที่ว่าจะเอาดีเคดกลับมา ทำให้ไอคาว่าซังกลับมารับงานพิเศษเขียนบทให้ 2 ตอนดังกล่าว
– เสียง “Kamen Ride” จากดีเคดไดรฟเวอร์ มีแนวคิดมาจากซีรีส์ก่อนหน้าที่ถูกอเมริกันซื้อไปสร้างใหม่อย่าง “คาเมนไรเดอร์ดราก้อนไนท์” โดยอิงจากการที่ตัวเอกในเรื่องตะโกนว่า “Kamen Rider” เพื่อแปลงร่าง และการทำให้คำดังกล่าวดูเป็นคำกริยามากขึ้น จึงให้เป็น “คาเมนไรด์” ตามที่พวกเราได้ยินกัน
– ตอนที่ 13 (โลกอากิโตะ) ตัวเอกในตอนดังกล่าวแปลงร่างเป็นเอ็กซีดกิลด์ แทนที่จะเป็นคาเมนไรเดอร์กิลด์ก่อน เหตุผลก็เพราะ … ชุดกิลด์พังจ้า
– ดีเคดเป็นซีรีส์เดียวที่ไม่มีมอนสเตอร์ประจำเรื่องตัวเอง ที่เจอนั่นเป็นมอนฯ จากโลกของไรเดอร์คนอื่นล้วน ๆ
– ตอนจบของดีเคดในฉากที่ดิเอนด์วิ่งเอาปืนมาจ่อหัวแล้วตัดจบนั้น ถูก BPO (กรมส่งเสริมจริยธรรมที่เกี่ยวกับสื่อประเภทโทรทัศน์ของญี่ปุ่น) ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เนื่องจากมีเนื้อหาที่รุนแรงและอาจจะชักนำเยาวชนให้มีพฤติกรรมเลียนแบบ แต่ก็รอดพ้นข้อกล่าวหานี้ไปได้
– ในเวอร์ชั่น DVD / Blu-ray ฉากจบถูกใส่เพิ่มเข้ามานิดหน่อยเพื่อความเคลียร์ นั่นคือทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะกลับไปยังจุดเริ่มต้นในตอนแรก … ความฝันของนัทสึมิ วนลูปไปเรื่อย ๆ
– ฉากโปรโมทภาพยนตร์ที่เห็นหลังตอนจบเวอร์ชั่นทีวี (ดีเคดสองคน/สึคาสะล้มที่ริมทะเล/คูกะร่างโหด/นัทสึมิถือปืน) เป็นฉากที่ถูกถ่ายทำแยกออกมาเพื่อโปรโมทภาพยนตร์เท่านั้น ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมันไม่มีในมูฟวี่ … ก็เพราะตอนถ่ายทำฉากที่ว่า เดอะมูฟวี่ยังไม่เปิดกล้องเลย