จากเรื่องจริงที่ถ่ายทอดผ่านบล็อกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สู่ละครซีรีส์ และกลายมาเป็นภาพยนตร์โดยผู้กำกับโนงุจิ เทรุโอะ ที่เป็นหนึ่งในผู้กำกับฉบับซีรีส์มาถ่ายทอดเรื่องราวนี้อีกครั้ง แถมยังนำแสดงโดยเคนทาโร่ ซาคากุจิ จากเรื่อง Tonight at Romance Theater หรือชื่อไทย รักเรา…จะพบกัน อีกด้วยนะ
เรื่องย่อ :
สองพ่อลูกที่ห่างเหินกัน จู่ๆ ผู้เป็นพ่อที่ออกไปทำงานไกลบ้าน ได้ลาออกกลับมาใช้ชีวิตเกษียณที่บ้าน ผู้เป็นลูกอยากทราบสาเหตุ แต่ด้วยความที่สายสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ จึงได้ซื้อเกม Final Fantasy XIV ให้พ่อเล่น และแอบตีสนิทกับท่านในเกม โดยที่ท่านไม่รู้
รีวิวจากแอดแผน :
ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ต่อให้ไม่ใช่แฟนเกมไฟนอลก็อินได้ แต่ถ้าเป็นแฟนไฟนอลจะยิ่งอินเข้าไปใหญ่ ถ้างั้นผมขอพูดในฐานะคนที่ไม่ใช่แฟนเกมละกัน ผมว่ามันยากนะ ที่จะผสานอินเตอร์เฟสของเกมกับฟุตเทจคนแสดงจริงให้เล่าเรื่องไปทิศทางเดียวกัน และให้อารมณ์สอดคล้องกันได้อย่างลงตัว เพราะตัวเกมก็จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการวางช็อตต่างๆอยู่พอสมควร แต่คนตัดต่อสามารถผสานฟุตเทจทั้งสองแบบให้สื่ออารมณ์ต่อเนื่องกันแบบไม่มีสะดุดได้จริงๆ
ส่วนมู๊ดแอนท์โทนของหนัง มันสดใสกว่าที่คิดไว้มากโคตรๆ ส่วนการดำเนินเรื่องก็จะมีมุกตลกเบาสมองคอยยิงออกมาเป็นระยะๆเหมือนเป็นเสากิโลเมตร เลยทำให้การชมเรื่องนี้มันชิลเหมือนกับการนั่งรถชมวิวไปเรื่อยๆ แม้จะแอบคิดเรื่องปลายทางไว้บ้างขณะชม แต่ก็ไม่ได้โหยหา อยากให้ถึงปลายทางเร็วขนาดนั้น
ผมว่านี่เป็นภาพยนตร์ที่ทั้ง “สะท้อนสังคม” และ “ชี้นำสังคม” ในเรื่องเดียวกัน เราจะชี้นำสังคมได้อย่างไรถ้าหากไม่แสดงให้เห็นว่าปัญหาของสังคมนั้นเป็นอย่างไร? เรื่องราวที่เอามาสร้างก็คือปัญหาเกี่ยวกับทรรศนะของผู้สูงอายุ ความห่างเหินกันในสถาบันครอบครัว ไปจนถึงปัญหาต่างๆของการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ก่อนจะค่อยๆยกเกม Final Fantasy XIV มาเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหานี้ เพื่อชี้ทางไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เอาจริงไม่คิดว่าสังคมเกมเมอร์จะให้อะไรเหล่าตัวละครต่างๆได้มากขนาดนี้ ดูแล้วรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นหัวใจจริงๆนะ
สรุปภาพรวมพร้อมให้คะแนน :
ถ้าเป็นแฟนของเกม Final Fantasy : คิดว่าต้องชอบกันแน่ๆ เพราะตัวหนังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลของเกมนี้
ถ้าอยากดูหนังที่ทำให้อบอุ่นใจ : อบอุ่นแน่นอน แถมอมยิ้มไปหลายดอก
ถ้าอยากพาบุพการีไปดู : ก็ได้นะ…
แอดแผนให้คะแนน : 9/10
ภาพยนตร์เรื่องคุณพ่อแห่งแสง Final Fantasy XIV จะเริ่มฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 26 กันยายนนี้แล้วนะครับ บอกเลยว่าไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง