ในยุคที่ไอดอลเริ่มผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดขนาดนี้ ผมว่าในช่วงหลังจากที่ 7th Sense กับ SiamDream เปิดตัว วงไอดอลเปิดใหม่นี่เยอะมากแล้วนะ แต่พอหลังจบ Idol Expo ครั้งแรก ก็ยังมีผุดขึ้นมาอีก และไม่ใช่แค่วงไอดอลที่เกิดมาใหม่เท่านั้น แต่ยังมีวงโคฟเวอร์ดังๆเริ่มผันตัวเองไปเป็นไอดอลบ้างก็มี แต่ในขณะที่มีวงไอดอลไทยเกิดใหม่มากมายนั้น ก็ได้มีบางวงที่ต้องยุบไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถึงยังไง เมื่อดูภาพรวมแล้ว วงไอดอลเหล่านั้นต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไปในแต่ละวง ไม่ว่ามันจะแสดงออกผ่านทางคอสตูม แนวเพลง รูปแบบการแสดง ฐานแฟนคลับ ไปจนถึงคาแร็คเตอร์โดยรวมของสมาชิก ซึ่งวงไอดอลไทยที่มีอยู่ ณ ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ล้วนแต่มีแนวทางที่ชัดเจนและไม่ซ้ำซากดี
ในช่วงที่ไอดอลกรุ๊ปยังมีแค่ 4-5 วง ผมก็ยังพอมีแรงรันวงการอยู่นะ แต่พอมีมากขึ้นเรื่อยๆ และเรื่อยๆ มันเลยทำให้ผมต้องเบรคบ้างแล้ว จริงๆผมเป็นคนที่ตามไอดอลเพราะสมาชิกรายคนมากกว่าจะตามเพราะคาแร็คเตอร์โดยรวมของสมาชิกทั้งวง การออกจากวงของสมาชิกที่ผมชื่นชอบก็มีส่วนสำคัญมากพอที่จะทำให้ผมลดระดับการติดตามวงๆนั้นเหลือเพียงแค่ตามงานเพลงเท่านั้นอยู่มาก(แต่ถ้าอยากให้ช่วยประชาสัมพันธ์หรือเชิญผมไปร่วมงานอีเวนท์ ผมก็ยินดีตอบรับและจะช่วยโปรโมทเต็มที่เลย) ผมเลยไม่คิดจะตามวงไอดอลเพิ่มแล้ว ถ้าสมาชิกไม่โดนใจผมจริงๆ
แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อเพื่อนของผม สมมติว่าเขาเป็นแอดมินเพจขวดน้ำของคานันแล้วกันนะ คือมันอ่ะได้แท็กให้ผมดูโพสต์ประกาศสมาชิกของวงๆหนึ่งที่มีชื่อว่า Black Forest ผมเคยได้ยินชื่อวงผ่านๆอยู่ตอนนั้น พร้อมๆกับชื่ออีกวงที่ชื่อ Black Dolls เนี่ยแหละ ชื่อวงและโลโก้ที่เป็นเถาวัลย์กับกุหลาบ มันก็สื่อถึงความลึกลับดีนะ หรือว่าจะเป็นไอดอลสายร็อค? ที่ซอฟท์กว่า Akira-Kuro? แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากเท่ากับหน้าตาของสมาชิกที่ปรากฏตรงหน้าจอโทรศัพท์ของผม เธอถูกแนะนำให้สาธารณชนที่กด Like เพจของวง ด้วยชื่อเรียกของเธอว่ารูบี้ ซึ่งผมเห็นหน้าเธอครั้งแรกแล้ว สิ่งแรกที่ผมอุทานออกมาในใจคือคำว่า “เฮ้ย!!”
ผมเคยติดตามผู้หญิงคนนี้มาตั้งแต่สมัยที่เธอยังแต่งคอสเพลย์และอยู่ในวงโคฟเวอร์เลย จำได้ว่าวงโคฟเวอร์ที่เธออยู่ตอนนั้นจะทำการแสดงในงาน Coscom อยู่บ่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของงานคอสเพลย์เจ้านี้เลยก็ว่าได้ แน่นอนว่ากู๊ดส์ของเธอที่ขายในนามของคอสเพลย์เยอร์และวงโคฟ ผมก็ซื้อมานะ จนกระทั่งมารู้ว่าเธอมาอยู่วงไอดอลแล้ว ผมนี่อยากกลับไปรันวงการเพื่อวงนี้เลย(หัวเราะ)
จากนั้น ทางเพจของวงก็ได้ประกาศสมาชิกที่เหลือออกมา สิริรวมทั้งสิ้น 18 คน ซึ่งเยอะมากเลยนะสำหรับวงไอดอลที่ไม่ได้อยู่ในกระแสหลักขนาดนั้น แล้วทั้ง 18 คนที่เปิดตัวมา นอกจากรูบี้แล้วยังมีอีกหลายคนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตา ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้ผมเป็นแฟนคลับของวงนี้แล้วล่ะ แน่นอนว่าผมก็ติดตามข่าวสารของวงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีข่าวสำคัญจากวงนี้ถูกประกาศออกมาสองเรื่อง เรื่องแรกคือการประกาศงานอีเวนท์แรกที่พวกเธอทั้ง 18 คน จะได้โชว์ตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานๆหนึ่ง ซึ่งเป็นงานประกวดเต้นโคฟเวอร์ และภายในงานจะมีกู๊ดส์และบัตรกรุ๊ปช็อต ซึ่งจะแบ่งสมาชิกออกเป็นกรุ๊ปๆให้แฟนๆได้เลือกสรร ฟังดูแล้วก็แฮปปี้ดีนะ แต่พอมาเจอเรื่องที่สองเท่านั้นแหละ ผมนี่ทำตัวไม่ถูกเลยว่าควรจะรู้สึกกับข่าวนี้ยังไง เรื่องที่สองคือการได้รู้ว่า สมาชิกทั้ง 18 คนที่เห็นอยู่นี้ ยังเป็นแค่แคนดิเดตของวงเท่านั้น และจะมีเพียงแค่ 9 คนเท่านั้นที่จะได้เป็นตัวจริง โดยจะมีระยะเวลาในการเฟ้นหาผู้ที่เหมาะสมถึง 2 เดือน ในระหว่างนั้น พวกเธอทั้ง 18 คนก็ต้องเรียนร้องเพลง เรียนเต้น ไปจนถึงซ้อมออกงานเพื่อพบปะกับทุกคน และคะแนนตัดสินทั้งหมดนั้น จะมาจากโปรดิวเซอร์และทีมงานที่จะทำการประเมินศักยภาพของสมาชิกออกมาเป็นคะแนน โดยคิดเป็น 70% ของคะแนนทั้งหมด ส่วนอีก 30% ที่เหลือนั้นจะมาจากความนิยมของแฟนคลับ ด้วยผลโหวตที่ได้จากการซื้อสินค้าต่างๆของวง
อ่า…. หลังจากเจอประกาศตัวหลังไป ผมรู้สึกหน่วงในใจนิดๆ ประมาณว่าผมแต่งงานกับผู้หญิงคนนึง ผมรักเขามาก ผมอยากจะดูแลเขาให้ดีที่สุด แต่จู่ๆหมอก็มาบอกผมว่า เมียคุณเป็นมะเร็ง อยู่ได้อีกสองเดือนเท่านั้น ถ้าคุณไม่หาเงินมารักษาเธอ เธอจะตายแน่นอน และถึงต่อให้คุณหาเงินมารักษาเธอได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะรอดนะ คิคิ
ลืมๆ Paragraph ที่แล้วไปนะครับ จริงๆแล้วความรู้สึกของผมที่มีต่อข่าวนี้ก็คือ ทำไมไม่เปิดตัวตอนเป็นตัวจริงเลยวะ? จู่ๆก็เอามาเปิดตัวตอนเป็นแคนดิเดตแล้วมาบอกว่า จะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นนะครับที่จะได้เดบิวท์ ดังนั้น จ่ายเงินซื้อสินค้าของเราเพื่อแลกกับคะแนนโหวตเพื่อให้เธอได้เป็นตัวจริงกันนะครับ และยิ่งคะแนนโหวตของฝั่งแฟนคลับมีแค่ 30% ด้วย ผมเลยแอบรู้สึกว่ามันเหมือนกับว่าเอาความฝันของสมาชิกมาสูบเงินยังไงอย่างงั้น
แต่ถ้ามองแบบเป็นกลางเลยนะ ต่อให้คะแนนโหวตของแฟนคลับจะมีผลต่อการเดบิวท์ของน้องๆถึง 50% หรือ 100% มันก็ไม่ทำให้ข้อครหาที่ว่าทีมงานสูบเงินแฟนคลับด้วยการโหวตหายไปหรอก ซึ่งยังดีที่คุณดิว(วรุตม์พล ภิญโญบริสุทธิ์) ที่เป็นโปรดิวเซอร์หลักของวงได้เข้าใจและมองว่ามันเป็นเรื่องนานาจิตตัง และถ้าถามว่าทำไมต้องเปิดตัวตอนเป็นแคนดิเดตและให้แฟนๆโหวตด้วย? คุณดิวก็ได้ให้เหตุผลว่า อยากจะให้ทั้ง 18 คนได้รับประสบการณ์ในฐานะศิลปินไอดอล ได้ให้พวกเธอเป็นที่รู้จักของทุกคน เพราะบางคนนี่ไม่มีต้นทุน ไม่เคยได้อยู่ภายใต้สปอตไลท์เลย ถึงแม้ว่าจะไม่ติดแต่อย่างน้อยก็ยังสามารถนำสิ่งที่ได้รับในช่วงสองเดือนนี้มาต่อยอดความฝันของตัวเองต่อไปได้ ส่วนเงินที่ได้จากการซื้อสินค้าเพื่อโหวตให้กับสมาชิก สมาชิกก็ได้เปอร์เซ็นต์ตามที่ตัวเองได้(ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่ามันจะแฟร์หรือเปล่า? เพราะมันมีนะคนที่ซื้อเชกิหลายใบเพื่อถ่ายกับหลายคน แต่เอาคะแนนโหวตทั้งหมดมาโหวตให้เมมเบอร์คนเดียว….) ผมว่ามันก็เป็นผลประโยชน์ที่ Win-Win ดีนะ ทางค่ายได้คนช่วยตัดสินใจ น้องๆได้เงินส่วนแบ่ง ได้ประสบการณ์ ได้ฐานแฟนคลับ ส่วนแฟนๆก็ได้มีสาวน้อยน่ารักให้สนับสนุนความฝันเพื่อความสุขเพิ่ม เหมือนเคสที่เกิดขึ้นกับ Produce 101 ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะมีแค่ 11-12 คนจากร้อยกว่าคนที่สมหวังจากรายการนี้ แต่อย่างน้อย อีกหลายๆคนที่ไม่ผ่านก็ยังได้ฐานแฟนคลับเพิ่ม ได้ความนิยมจนต้นสังกัดของตัวเองเล็งเห็นแล้วจับมาเดบิวท์จริงๆ หรืออย่างบางคนก็อาจจะได้ค้นพบอะไรสักอย่างจากการเข้ามาแข่งรายการนี้ แล้วก็เอามันมาต่อยอดเป้าหมายของชีวิตตัวเองต่อไปแม้ว่ามันจะคอนทราสกับชีวิตตัวเองตอนนี้ก็ตาม ส่วนเรื่องที่ทำไมสเกลคะแนนจากทีมงานกับแฟนๆถึงเป็น 70 : 30 คุณดิวก็ให้เหตุผลว่า เขาไม่อยากจะให้ไอดอลมีดีแค่ตกแฟนๆเก่งเท่านั้น พวกเขาควรจะมีศักยภาพในการเป็นศิลปินด้วย อันนี้ผมเห็นด้วยนะ เพราะถ้ามาอยู่ในอุตสาหกรรมเพลงแล้วก็ควรจะทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็นคนดนตรีด้วย จริงอยู่ที่หน้าตากับบุคลิกน่ารักๆมันขายได้ แต่มันก็ขายได้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้นแหละ เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณอาจจะไม่สามารถขายความน่ารักได้อีกแล้ว แต่ถ้าคุณมีความสามารถ ต่อให้คุณจะอายุเยอะแค่ไหน คุณก็ยังสามารถเป็นที่นิยม เป็นตำนานที่ยังไม่หายไปกับกาลเวลาได้เสมอ พูดง่ายๆคือ ขายความสามารถมันยั่งยืนกว่า
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ทั้ง 18 แคนดิเดตของ Black Forest ได้ออกงานต่างๆรวมทั้งสิ้น 6 งานด้วยกัน ซึ่งผมก็ไปทุกงานแหละ จำได้ว่างานแรกจัดที่เดอะไนน์พระราม 9 และจัดตรงกับวันเลือกตั้งด้วย หลังจากที่ผมไปใช้สิทธิ์เสร็จ ผมก็รีบนั่งรถไฟฟ้าไปที่งานเลย แต่ด้วยความโง่ของผมที่เข้าใจว่าเดอะไนน์อยู่หลังเซ็นทรัลพระราม 9(นั่นมันเดอะช็อป!!) เลยทำให้ผมตัดสินใจนั่งมอเตอร์ไซค์วินหน้าซอยอ.ส.ม.ท. เพื่อรีบไปเดอะไนน์ทันที พอมาถึง พวกเธอก็แสดงเพลงแรกจบพอดี…. แต่ยังดีที่ยังมีกิจกรรมกรุ๊ปช็อตอยู่ นี่ก็ซื้อบัตรมาใบนึง ถ่ายรูปกับรูบี้ กุญแจ และยุ้ย ที่อยู่ในกรุ๊ปถ่ายรูปเดียวกัน
หลังจบงานนี้ก็มีงานแฟนมีทติ้งที่ทางวงจัดขึ้นมาเอง ซึ่งบัตรก็ขายหมดเร็วมาก ที่น่าขันคือ ผมก็จองบัตรกับเขาด้วย ชื่อขึ้นมาเป็นคนแรกเลย แต่วันถัดมา ทีมงานเชิญให้มาร่วมงานซะงั้น (หัวเราะ) ผมก็เลยเอาบัตรที่ซื้อมาให้ขวดน้ำของคานัน แต่มันไม่ไป….
งานแฟนมีทครั้งนั้นทำให้ผมได้สัมผัสถึงความเป็นวงนี้มากขึ้น ได้ฟังเพลงของวงที่มีความลงตัวระหว่างความเป็นร็อคกับความอ่อนหวานแบบไอดอล ได้รู้จักตัวตนของแต่ละคนผ่านโชว์สุดน่ารัก(และแปลกประหลาด)ที่พวกเธอเตรียมมา ได้รู้ประวัติความเป็นมาของแต่ละคนผ่าน VTR ที่บันทึกภาพของแต่ละคนตอนออดิชั่นมาจนถึงงานครั้งแรก มันเลยทำให้ผมเริ่มชอบความเป็นวงนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพราะแนวเพลง หรือคาแร็คเตอร์ของสมาชิกแต่ละคน แต่ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกันที่นั่นจะเป็นงานสุดท้ายของแคนดิเดตถึงสองคน นั่นก็คือ บีเอ็ม กับ โบว์แดง ซึ่งน้องถอนตัวออกจากการแข่งขัน
การที่มีสมาชิกถอนตัวออกไปจากการแข่งขันจะมีความรู้สึกเสียดายมากขึ้นครับ ถ้าคนๆนั้นคือคนที่เราติดตาม พอใกล้ถึงงานที่สามที่พวกเธอต้องไปแสดงที่งาน Idol On Ice ผิงอัน หนึ่งในแคนดิเดต ก็ได้ถอนตัวจากการแข่งขันเป็นคนที่สาม ซึ่งคนนี้ก็เป็นคนที่ผมเริ่มชอบจากตอนงานแฟนมีทติ้งด้วย ด้วยแก้มที่น่ารักน่าหยิก บวกกับเสียงร้องที่ไพเราะ เลยทำให้ผมคิดว่าคนนี้จะเป็น 1 ใน 9 ได้ไม่ยาก…
แต่แล้วมันก็จบลงแต่เพียงเท่านี้….
ผมจำได้เลยว่า วันที่ไปถ่ายเชกิกับผิงอันที่งาน Idol On Ice ผมไม่ได้คุยอะไรเลย เพราะบรรยากาศเสียงรอบๆดังมาก ตอนคุยกับไอดอลอีกบูธหนึ่งก่อนจะมานี่ก็คุยไม่รู้เรื่อง หลังจากผิงอันเซ็นเชกิให้ผมเสร็จ เธอก็ถามผมว่า
“รู้ใช่มั้ยคะว่าหนูจะออก?”
ผิงอัน (อดีต)แคนดิเดตของวง Black Forest
แค่นั้นแหละ….
พอเหลืออีกแค่ 1 เดือน คุณดิวก็เกิดนึกขึ้นได้ว่า เออว่ะ นี่ตูให้เด็กๆโชว์พร้อมกันทั้ง 15-18 คนมาตลอด คนดูจะโฟกัสครบทุกคนไหมวะเนี่ย? งั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม และให้แต่ละกลุ่มโชว์เพลงพิเศษกันดีกว่า… จากนั้น ก็ได้มีการแบ่งกลุ่มขึ้นมาสองกลุ่ม ซึ่งเพลงที่ใช้โชว์ในกลุ่มก็มีสองเพลงครับ เพลงละกลุ่ม นั่นก็คือ โดดโรงเรียน เพลงของคุณกิ๊ฟท์ โมโนโทน เป็นเพลงสไตล์แบบพังค์ป๊อปเหมาะกับวงดี ส่วนอีกเพลงก็คือ Kodomo เพลงของคณะ He Men Crown เป็นสไตล์แบบ…. เอ่อ… ก็เหมาะกับวงดี แน่นอนว่างานที่ 4 กับ 5 ที่ต้องโชว์แบ่งกลุ่มกัน พอถึงอีกงานก็สลับเพลงกับโชว์ แต่ทว่า…. งานที่ 4 มันคืองานฟรี และงานที่ 5 มันคืองานต้องซื้อตั๋ว มันเลยรู้สึกแปลกนิดนึงอ่ะ(เข้าใจทีมงานแหละว่านี่เป็นอะไรที่ควบคุมไม่ได้จริงๆ…)
จนกระทั่งมาถึงงานสุดท้าย(เฮ้อ… พิมพ์มาถึงตรงนี้ซักที สมมติว่าบทความนี้พิมพ์ใน Microsoft Word ด้วยฟอนท์ Cordia New ขนาด 14 ตรงนี้ก็จะหมดหน้ากระดาษที่ 4 แล้วอ่ะ….) ที่จะประกาศผล ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา นอกจากงานต่างๆที่พวกเธอไปทำการแสดงแล้ว ทางทีมงานก็ได้ปล่อยคลิปต่างๆ เพื่อให้แฟนๆได้เห็นการฝึกซ้อมของน้องๆด้วย จะว่าไปสองเดือนมันก็ผ่านไปไวเนอะ นอกจากแฟนๆจะรู้สึกใจหายแล้ว ผมเชื่อว่าน้องๆทั้ง 15 คนก็คงจะมีหลายความรู้สึกแหละ บางคนใจหายที่จะต้องแยกจากกับเพื่อน บางคนรู้สึกกังวลกับอนาคตที่ใกล้จะมาถึง แต่สุดท้ายแล้ว ความจริงที่ว่าจะต้องมี 6 คนที่จะไม่สมหวัง ก็ยังคงอยู่…
Idol Expo #2 วันสุดท้าย เป็นวันที่จะประกาศให้ทุกคนทราบว่า 9 สมาชิกตัวจริงของวง Black Forest มีใครบ้าง? โดยคะแนนโหวตจากแฟนๆที่สะสมมาทั้งหมดก็ได้ถูกเปิดเผย พร้อมกับคุณดิวที่ได้เผยทาง SNS ในช่วงเที่ยงวันเดียวกันว่า ผลได้สรุปออกมาแล้ว เขาบอกว่าวงนี้จะอุดมไปด้วยสมาชิกที่มีความโดดเด่นในแต่ละด้าน(พูดเป็นภาษาคนง่ายๆก็คือ มีคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจนอ่ะ) มันเลยทำให้ผมรู้สึกว่า ผลจะพลิกล็อคเปล่าวะ….
เมื่อถึงเวลา 17.45 วง Black Forest ก็ได้ทำการแสดง ระหว่างนั้นผมเห็นชัดเลยว่าสมาชิกบางคนมีความกดดันอยู่ในอก แต่ก็ยังคงใส่พลังในการแสดงอย่างเต็มที่ เพราะว่ามันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว จนเมื่อการแสดงจบ ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย
“ใครจะได้เป็น 9 ตัวจริงของ Black Forest?”
ตอนนั้นมันเป็นบรรยากาศที่กดดันมากเลยนะ ลุ้นตลอดเวลา เมื่อประกาศผู้ชนะทีละคนๆ และมาฟัง Speech (ที่ฟังไม่รู้เรื่องเลยเพราะระบบเสียงไม่ดี) ของพวกเธอไปเรื่อยๆ มันก็ยิ่งกดดันเข้าไปอีก จนกระทั่ง พิธีกรเรียกผู้ที่ได้คะแนนสองอันดับบนสุดให้ก้าวออกมาข้างหน้า ถึงตรงนี้ผมใจชื้นละ ไม่ว่าใครจะได้อันดับหนึ่งหรืออันดับสอง ผมก็โอเคแล้ว
หลังจากที่ประกาศผลเสร็จ ผมก็เริ่มน้ำตาคลอนิดๆ เพราะหลายความรู้สึกมันตีกัน ทั้งรู้สึกตื้นตันใจที่โอชิตัวเองได้เดบิวท์ รู้สึกเสียใจที่ต้องเห็นโอชิตัวเองร้องไห้หนักมาก และรู้สึกดีใจที่มหากาพย์สองเดือนได้เดินทางมาถึงบทสรุปซักที
สรุป สมาชิกตัวจริงทั้ง 9 คน(เรียงจากอันดับสูงสุดลงไป) ของวง Black Forest มีดังต่อไปนี้…
1. แฟนนี่
2. รูบี้
3. โฮลท์เตส
4. อิน
5. ออกัส
6. มิ้นท์
7. ปลื้ม
8. มะตูม
9. ต้นน้ำ
จากที่ผมเห็นคาแร็คเตอร์ของทั้งเก้าคนแล้ว สัมผัสได้ถึงความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนตามที่คุณดิวบอกเลย ถ้าให้พูดถึงเรียงคนเลยผมเกรงว่าคุณจะกดปิดหน้าต่างนี้ออกไปซะก่อน(หรือกดปิดไปแล้ว??) แม้ว่าผมจะรู้สึกเสียดายที่บางคนไม่ติด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่อย่างน้อย อย่างที่คุณดิวบอก พวกเธอก็ยังได้รับประสบการณ์และฐานแฟนคลับเอาไปต่อยอดในเส้นทางไอดอลต่อไป ในวงการไอดอลไทยผมเห็นหลายคนมากเลยนะที่ไปออดิชั่นมาแล้วหลายวง บางทีถึงออจนเป็นตัวจริงแล้วแต่ออกเพื่อไปหาวงที่ใช่จนสำเร็จก็มี อีกอย่างนะ ไม่รู้ว่าประโยคนี้มาจากคุณดิวหรือเปล่า? คือ… ต่อให้พวกเธอต้องนับหนึ่งใหม่ แต่คราวนี้ พวกเธอจะไม่เดินคนเดียวอีกแล้ว พวกเธอมีกลุ่มคนที่พร้อมจะสนับสนุนการเดินทางของเธอเพิ่มขึ้นมาแล้ว แม้ว่าตรงจุดนี้จะเคยมีบุคลากรในวงการไอดอลคนหนึ่งบอกว่าการจะเดินทางมาสายนี้จะต้องทิ้งชื่อเสียงทั้งหมดที่เคยมีแล้วเริ่มต้นใหม่หมด ผมว่ามันก็สมควรเป็นอย่างนั้นนะ แต่ถ้าจะให้ปฎิบัติจริงมันยากอ่ะ ถึงจะปิด SNS ทุกอย่างที่เคยใช้และมาใช้อันใหม่ในฐานะไอดอล หรือยุติสิ่งที่เคยทำมาก่อนแล้วเก็บตัวเข้ามาซ้อมร้องซ้อมเต้น แต่ก็ใช่ว่าจะเริ่มต้นใหม่ด้วยความว่างเปล่า 100% เสมอไป เพราะอย่างน้อย คนที่เคยเห็นหน้าค่าตาเขา เคยเห็นผลงานความสามารถเขา ก็ต้องจำเขาได้อยู่ดี
พูดง่ายๆก็คือ “ทิ้งทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่หมดไปพร้อมกับคนอื่นๆ มันไม่มีจริงหรอกครับ”
เอาเป็นว่า ต่อให้ 9 คนที่เหลือ(ในที่นี้รวมถึงสามคนที่ถอนตัวออกไปแล้ว)จะดำเนินเส้นทางต่อไปยังไง? จะไปออดิชั่นวงใหม่หรือเปล่า แฟนๆของพวกเธอเหล่านั้นก็จะยังคงตามติดอยู่เสมอ แม้ว่าจะเห็นหน้าเพียงแค่เสี้ยววินาทีจากวิดีโอเบื้องหลังการแคสติ้งก็ตาม
กลับมาที่ 9 ตัวจริงกันต่อ พวกเธอจะได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงเพื่อทำงานในนามของวง Black Forest เป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งมันเป็นระยะเวลาที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปสำหรับการทำงานเพลงเลย ส่วนถ้าหมดสัญญาแล้วจะยุบวงไหม? ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน… แต่ตอนนี้ วินาทีนี้เนี่ย พวกเธอยังอยู่กับเรา เอาเป็นว่า ถ้าอ่านบทความนี้แล้วเกิดชื่นชอบในตัวพวกเธอ หรือถ้าติดตามวงนี้อยู่แล้ว ก็สนับสนุนพวกเธอกันเยอะๆนะครับ ผมเองก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน ส่วนงานมีทติ้งครั้งที่สองของวงที่จะจัดขึ้นนี้ เจอผมแน่นอนครับ