หลังจากการประกาศชื่อรัชสมัยใหม่ของญี่ปุ่นที่จะเปลี่ยนแปลงจาก เฮเซ (平成) มาเป็น เรวะ (令和) ซึ่งจะเริ่มกันในวันที่ 1 พฤษภาคม 2019 นี้
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อ้างอิงชื่อยุคเพื่อเป็นตัวกำหนดความเปลี่ยนแปลง และหนึ่งในนั้นก็หนีไม่พ้น “คาเมนไรเดอร์ซีรีส์” ที่ใช้ชื่อยุคเป็นตัวแบ่งเพื่อง่ายต่อการจดจำ รวมไปถึงการจำแนกประเภทของตัวละครได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
มาลองคาดการณ์กันดูครับว่าในโอกาสที่เปลี่ยนยุคสมัยนั้น โลกของคาเมนไรเดอร์จะมีอะไรที่เราจะได้เจอต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้บ้าง?
Exclusive Content
การรับชมสื่อต่าง ๆ ในยุคปัจจุบันนับว่าก้าวกระโดดเป็นอย่างมากครับ ยิ่งพวกสตีมมิ่งแชนแนลทั้งหลายต่างก็ทยอยออกคอนเทนท์เฉพาะของตนเพื่อดึงดูดผู้ชม ซึ่งทางผู้สร้างคาเมนไรเดอร์ก็มีแชนแนลอย่าง TOEI TOKUSATSU FAN CLUB ที่เป็นแหล่งรวมหนังแปลงร่างจากค่ายของตนไว้ครบครัน แถมยังเพิ่มความน่าสนใจด้วย Exclusive Content เน้นเอาใจกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ชมในทุกประเภท
ทั้งการสร้าง Spin-Off ที่เชื่อมโยงกับตัวซีรีส์หลักที่ฉายอยู่ในปัจจุบัน หรือแม้แต่ซีรีส์ขนาดสั้นที่มีเนื้อหาเฉพาะ ซึ่งอิสระในการสร้างนั้นก็ไม่ได้ถูกจำกัดให้ออกอากาศแค่ในทีวีอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเค้าผลิตมันเก็บไว้ในแชนแนลของตน เพียงเท่านี้ผู้ชมก็สามารถกดเข้าไปชมได้ตลอดเวลา โดยที่ไม่ต้องง้อสปอนเซอร์ทางทีวีหรือประเมินงบประมาณในการผลิตและจำหน่ายแผ่นอย่างเช่นแต่ก่อน
ความหลากหลายทางเพศ
จริง ๆ เรื่องนี้ก็ถูกพูดถึงมาพอสมควรนับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่เฟสที่สองของยุคเฮเซไรเดอร์ ทว่ามันออกไปในเชิงของแฟนเซอร์วิสที่เอาใจผู้ชม “เฉพาะกลุ่ม” มากกว่า แม้จะไม่ได้ชี้ชัดว่าตัวละครมีความสัมพันธ์กันแบบใด แต่การสร้างปมให้ผู้ชมได้ “จิ้น” ก็ถือว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างดี
วัดได้จากกลุ่มผู้ชมสาว ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน รวมไปถึงการออกสินค้าที่เกี่ยวข้องเช่นหนังสือภาพ และของใช้ในชีวิตประจำวัน ต่างก็ทำยอดขายได้มหาศาลในแต่ละปี และเมื่อสำรวจกันจริง ๆ จะพบว่ากลุ่มที่ยอมเปย์มากที่สุดคือกลุ่มลูกค้าสาว ๆ นั่นล่ะ
สืบเนื่องจากหัวข้อด้านบนเลยครับ เมื่อมีแชนแนลเป็นของตนเองแล้ว การควบคุมและจำกัดเรทอายุก็ทำได้ง่ายมากกว่าแต่ก่อน แน่นอนครับว่าคอนเทนท์ที่เกี่ยวข้องจะต้องหลากหลายด้วยเช่นกัน การจะสร้างให้ตัวละครมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งไม่ว่าจะเป็นชาย-หญิง, ชาย-ชาย, หญิง-หญิง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้สร้างต้องมากังวลใจอีกต่อไป
Exclusive Product
ลูกค้าหลายคนของ BANDAI น่าจะเริ่มสังเกตอะไรได้หลายอย่างครับ เกี่ยวกับตัวสินค้าที่เริ่มออกมาในแนวของการเอาของเก่ามาปัดฝุ่นทำใหม่ให้เท่าทันเทคโนโลยีปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นฟิกเกอร์ หรือพวกของเล่นของสะสมต่าง ๆ
เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ คือกลุ่มผู้ชมที่เป็นเด็กในช่วงเฮเซเฟส 1 นั่นเอง การนำสินค้าเก่ามาผลิตใหม่ให้ดูดีกว่าเดิม หรือการนำตัวละครในยุคดังกล่าวมาขายสินค้าที่เกี่ยวข้องจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร
เข้าสู่ยุคใหม่ก็เตรียมเก็บเงินกันไว้ดี ๆ เพราะบางทีอาจจะมีสินค้าจากคาเมนไรเดอร์ซีรีส์ที่พวกเรารักผลิตออกมาจนห้ามใจเอาไว้ไม่อยู่ก็เป็นได้ครับ เหตุด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้ากว่าแต่ก่อน รวมไปถึงการประเมินกำลังซื้อของบริษัทที่มีต่อลูกค้าในเจนเนอเรชั่นวัยทำงาน (ซึ่งเคยเป็นเด็กเมื่อ 10 กว่าปีก่อน) ก็อาจจะทำให้วงการของใช้ ของสะสม จากเฟรนไชส์ดังกล่าวออกสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น
พลังแห่งความเท่าเทียม
อาจจะเป็นยุคที่หลายคนเฝ้ารอคอยก็เป็นได้ครับ เพราะเราอาจจะได้เห็น “ไรเดอร์หญิง” ออกมาโลดแล่นเป็นตัวละครหลักมากกว่าแต่ก่อนก็เป็นได้
อาจจะเป็นเพราะเทรนด์ของพลังหญิงที่แฝงตัวอยู่ในซุปเปอร์ฮีโร่เวอร์ชั่นสากลทั้งกัปตันมาร์เวล วันเดอร์วูเม่น รวมไปถึงกลุ่มผู้ชมที่ไม่ได้จำกัดแค่เด็กผู้ชาย ก็มีแนวโน้มสูงที่ผู้ผลิตอาจจะสร้างตัวละครในเชิง Inspiration ของความเท่าเทียมออกมา
แม้ในสังคมญี่ปุ่นที่มีผู้ชายเป็นใหญ่เสมอ แต่โลกก็หมุนไปทุกวันครับ เราไม่อาจจะตอบได้ว่าสังคมญี่ปุ่นจะหยุดอยู่กับที่ในเรื่องของเพศสภาพได้ถึงเมื่อไหร่ แต่ถ้ากลไกทางความคิดเริ่มเป็นสากลมากขึ้น ถึงตอนนั้นเราคงได้เห็นในสิ่งที่พวกเราอยากจะได้รับชมในไม่ช้าครับ
เจนเนอเรชั่นอัลฟ่า
ผ่านพ้นปี 2010 ก็เข้าสู่ยุคที่ AI เป็นใหญ่ ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยอัจฉริยะสังเคราะห์ที่พวกเราต่างสร้างมันขึ้นมา และเป็นยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วภายในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที การติดตามข่าวสารหรือการรับข้อมูลสามารถทำได้ทันใจกว่าแต่ก่อน ซึ่งเราจะเรียกยุคนี้ว่ายุคอัลฟ่าครับ
แม้จะเป็นยุคที่มีอายุไม่มากนัก แต่พลังของยุคนี้ก็สะท้อนกลับไปยังคนในยุคก่อนหน้าอย่าง Gen Z หรือ Gen Y อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การผลิตคอนเทนท์หรือสื่อต่าง ๆ ก็ต้องอิงจากคนกลุ่มนี้มากขึ้น และในส่วนของคาเมนไรเดอร์ซีรีส์นั้น เราอาจจะได้เห็นเนื้อหาที่เป็นยุคใหม่กว่าแต่ก่อน อาจจะเป็นในแง่ของโลกอนาคต หรือการปลุกเร้าแนวคิดของยุคใหม่ที่เปิดกว้างมากขึ้น อีกทั้งการเปิดรับ Feedback ของผู้ชมจากโลกโซเชี่ยล ก็ทำให้เนื้อหาของซีรีส์อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตาม “ความนิยม” ที่สำรวจได้ในชั่วระยะเวลาอันสั้น
ภาพของคาเมนไรเดอร์ในยุคต่อไป อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงไม่มากจากเฮเซเฟสสองเท่าไหร่นัก ทว่ากลไกของมันเริ่มหมุนและออกตัวได้ซักพักหนึ่งแล้ว และเราเองก็ค่อย ๆ ที่จะเปิดรับมันอย่างที่ไม่รู้ตัว
คงต้องติดตามกันล่ะครับว่าผู้สร้างจะเอาอะไรมาให้เราประหลาดใจได้อีก