ภัตตาคารของไอ้มดแดง Kamen Rider The Diner

Kamen Rider The Diner หรือที่หลายๆคนชอบเรียกแบบง่ายๆว่า “คาเฟ่ไอ้มดแดง” (ทั้งๆที่จริงมันคือภัตตาคาร…) ถือว่าเป็นอีกสถานที่ที่แฟนๆของมาสค์ไรเดอร์จะมาเยือนกัน โดยร้านนี้ได้เริ่มกิจการตั้งแต่ปี 2011 บนชั้น 4 ของตึกพาเซล่ารีสอร์ท ในย่านอิเคะบุคุโระ ซึ่งก็เป็นอีกย่านเศรษฐกิจที่สำคัญของโตเกียวเลย โดยตัวร้านจะตกแต่งด้วยธีมของฐานทัพช็อคเกอร์ พร้อมกับตู้โชว์ของสะสมต่างๆที่เกี่ยวกับมาสค์ไรเดอร์มากมาย ทั้งเข็มขัด โมเดล ไปจนถึงลายเซ็นต์ของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการสร้างซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ ที่ได้มาเยือนร้านนี้ อาทิ นักแสดง หรือศิลปินเพลงที่รังสรรค์เพลงประกอบซีรีส์มาสค์ไรเดอร์มาโดยตลอดอย่าง วง Rider Chips และ Kamen Rider GIRLS แต่ที่เป็น Signature มากที่สุดก็ต้องเป็น บัลลังก์ของหัวหน้าช็อคเกอร์ ที่ตั้งอยู่ในมุมที่ลึกที่สุดของร้าน โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปนั่งพร้อมกับถ่ายรูปสวยๆได้ แถมยังมีคอสตูมเท่ห์ๆแบบตัวละครในซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ให้สวมใส่สำหรับถ่ายรูปอีกต่างหาก

บางส่วนของเมนูอาหารในร้าน ที่ทุกเมนูจะนำเสนอเอกลักษณ์ของมาสค์ไรเดอร์ของแต่ละตัวในแต่ละเมนู
(เครดิตภาพ : Pan Yoshizumi)

ส่วนเมนูอาหารและของหวานนั้น ส่วนมากจะเป็นเมนูที่มีขั้นตอนการทำที่ไม่ซับซ้อน และผู้คนนิยมรับประทานกัน เช่น พิซซ่า แฮมเบิร์ก สลัดผัก เป็นต้น โดยจะนำอัตลักษณ์ของมาสค์ไรเดอร์แต่ละตัวมาใช้ในการจัดจาน อย่าง สปาเก็ตตี้ซอสแดง ที่ราดซอสผสมหมูสับแค่ครึ่งจาน แล้วตกแต่งหน้าจานให้เหมือนหน้าของมาสค์ไรเดอร์ดับเบิ้ล หรือกราแต็ง ที่ตกแต่งหน้าจานให้เหมือนกับเบลท์ซัง ซึ่งเป็นเข็มขัดแปลงร่างของมาสค์ไรเดอร์ไดร์ฟ หรือบางเมนูที่มีปรากฏในแต่ละซีรีส์ และเป็นเอกลักษณ์มาก ก็มีอยู่ในเมนูเช่นกัน เช่น ข้าวผัดจากมาสค์ไรเดอร์เดนโอ ที่เป็นข้าวผัดที่โอนเนอร์ หรือเจ้าของขบวนรถไฟแห่งกาลเวลาเด็นไลเนอร์จะชอบสั่งมารับประทานบ่อยๆ หรือจะเป็นทาโกะยากิ ซึ่งนิยมรับประทานกันมากในซีรีส์มาสค์ไรเดอร์โกสต์ เป็นต้น ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีการนำอัตลักษณ์ของมาสค์ไรเดอร์มารังสรรค์เช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนั้น ในทุกๆเดือน จะมีเมนูพิเศษ เพื่อต้อนรับโอกาสพิเศษต่างๆของมาสค์ไรเดอร์ซีรีส์ด้วย เช่น ช่วงเปิดตัวซีรีส์ใหม่ ช่วงฉายภาพยนตร์ใหม่ หรือจะเป็นช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงฉลองครบรอบ 20 ปี (จริงๆมันต้องใช้คำว่า 20 ซีรีส์นะ..) ของเฮเซไรเดอร์ และถ้าสั่งเครื่องดื่มที่อยู่ในเมนูพิเศษ 1 แก้ว ก็จะได้สิทธิ์ในการลุ้นจับฉลากเพื่อรับของที่ระลึกสุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วยนะ

บางส่วนของเมนูพิเศษ เพื่อต้อนรับการฉายภาพยนตร์ฤดูร้อนของมาสค์ไรเดอร์เอ็กเซดในปี 2017
(เครดิตภาพ : Pan Yoshizumi)

ผมเคยไปร้านนั้นสองครั้งครับ ครั้งแรกผมไปกับทัวร์ ตอนนั้นผมถูกรางวัลจากเครื่องดื่มกระป๋องยี่ห้อหนึ่งที่นำรูปของโชวะไรเดอร์มาแปะกระป๋อง เลยได้ไปญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิต ก่อนที่ผมจะไปร้านนั้น คุณสมบุญ เกรียงอารีย์กุล สุดยอดแฟนพันธุ์แท้มาสค์ไรเดอร์ หรือพี่บูน ซึ่งมาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ในทริปนี้ด้วย ได้ลากผมออกมาจากกลุ่มทัวร์ที่เขาจะไปช็อปปิ้งในชินจุกุกัน เพื่อไปช็อปปิ้งที่นากาโน่บรอดเวย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมันดาราเงะ ร้านขายของเล่นของสะสมมือสองหายากมากมาย มีตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ โมเดลลิมิเต็ดยันกางเกงในใช้แล้วของหญิงสาว หลังจากที่พี่บูนช็อปปิ้งจนหนำใจ(แต่ผมไม่ค่อยหนำใจเท่าไหร่ เพราะเกิดเรื่องเซ็งขึ้นกับตัวนิดหน่อย…) ก็กลับไปสมทบกับกลุ่มทัวร์ที่ร้าน หลังจากที่ออกมาจากสถานีรถไฟอิเคะบุคุโระ พี่บูนก็นำทางผมไปยังตึกพาเซล่ารีสอร์ท ซึ่งมีอุปสรรคสองอย่างที่เกิดขึ้นคือ 1. หลงทางครับ แม้ว่าจะดูแผนที่ หรือถามคนแถวนั้นก็ตาม แต่เมื่อมาถึงตึกพาเซล่ารีสอร์ท ก็ต้องพบกับ 2. ตึกพาเซล่าที่ไปถึงนั้น ไม่มีร้าน Kamen Rider The Diner ครับ! และก็มาทราบความจริงทีหลังว่า ในอิเคะบุคุโระมีตึกพาเซล่ารีสอร์ทถึงสามตึกด้วยกัน! เลยต้องเดินหาตึกพาเซล่าที่มีคาเฟ่ไอ้มดแดงกันจ้าละหวั่นเลย บวกกับที่ผมต้องถือสารพัดของที่พี่บูนซื้อมาให้แกด้วย(เพราะสุขภาพไหล่ของแกไม่ค่อยดี) บอกเลยว่าไหล่แทบหลุด (หัวเราะ) แต่สุดท้ายก็มาถึงตึกพาเซล่ารีสอร์ทที่มีคาเฟ่ไอ้มดแดงจนได้ และถึงก่อนกลุ่มทัวร์จากชินจุกุด้วยนะ

สีหน้าตัวเองในตอนนั้นที่ต้องถือหนังสือราวๆ 6-7 กิโลกรัม แล้วเดินตามหาร้านเป็นเวลา 10 นาทีรวด…

เมื่อกลุ่มทัวร์ตามมาสมทบ เราก็ได้ขึ้นไปรับประทานอาหารกัน ซึ่งเมนูอาหารทางทัวร์ก็ได้จัดแจงสั่งให้หมดแล้ว นั่งปุ๊บไม่ต้องทำอะไรเลย กินอย่างเดียว เท่าที่จำได้ เมนูที่รับประทานไปวันนั้นมีข้าวผัด เนื้อผัดซอส พิซซ่า ที่ตอนแรกผมคิดว่าพิซซ่าที่เสิร์ฟ 1 ถาดคือสำหรับ 1 โต๊ะ แต่จริงๆแล้ว พิซซ่า 1 ถาดคือสำหรับ 1 คน!! เอาเป็นว่าทุกเมนูที่สั่งไปจะได้รับประทานกันคนละจานไปเลย(เป็นทัวร์ที่เลี้ยงดีจริงๆ… กลับเมืองไทยไปนี่อ้วนขึ้นเยอะเลย) รสชาติอาหารโดยรวมโอเค แต่พิซซ่าอร่อยมาก แป้งบางกรอบ แถมรสชาติดีมากจนตัวเองกินหมดแล้วก็ยังถามคนข้างๆว่าจะกินพิซซ่าอีกมั้ย เพื่อช่วยเขารับประทานเลย ส่วนข้าวผัดเดนไลเนอร์ เป็นข้าวผัดที่เน้นรสของเนยมากกว่าไข่ และก็มีเนื้อสัตว์ทะเลอย่างกุ้ง ปลาหมึกแทรกเข้ามาด้วย ลองรับประทานแบบโอนเนอร์ก็สนุกดีเหมือนกันนะ

ระหว่างที่รับประทานอาหารอยู่นั้น ไกด์ประจำทริปก็ได้เข้ามาถามพวกเราว่าจะรับอะไรเพิ่มไหม? และผมก็นึกได้ว่ามีเครื่องดื่มพิเศษในแคมเปญของวง Kamen Rider GIRLS ด้วย ซึ่งมีเครื่องดื่มหลากชนิดตามคาแร็คเตอร์ของสมาชิกวงเลย ราคาแก้วละ 780 เยนเท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่โอเคเลยถ้าต้องจ่ายค่าเครื่องดื่มนี้เอง ผมเลยสั่งเครื่องดื่มประจำคาแร็คเตอร์ของสมาชิกท่านหนึ่งที่ผมชอบมาก นั่นก็คือ เอริกะ โยชิซุมิ สมาชิกที่ปัจจุบันได้จบการศึกษาไปแล้ว ซึ่งเธอเป็นอิมเมจเกิร์ลของมาสค์ไรเดอร์เดนโอนั่นเอง เครื่องดื่มประจำตัวเธอเป็นเครื่องดื่มรสราสเบอร์รี่ผสมโซดา แล้วมีรสมิ้นท์อ่อนๆแทรกเข้ามา รสชาติจะหวานอมเปรี้ยว และเย็นมิ้นท์ในลำคอ พอเวลาเช็คบิล ผมเตรียมจะจ่ายค่าเครื่องดื่มนี่ แต่ไกด์บอกว่าจ่ายให้แล้ว โห… ขอบคุณไกด์มากครับ

ราสเบอร์รี่โซดา หนึ่งในเครื่องดื่มพิเศษของแคมเปญของวง Kamen Rider GIRLS และอาหารอีกมากมายที่ทางกลุ่มทัวร์จัดไว้ให้….

หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จและเดินถ่ายรูปรอบๆร้านจนหนำใจแล้ว ก็ถึงเวลากลับที่พัก แต่… เนื่องจากว่าในมื้อนี้ เหล่ากลุ่มทัวร์ได้รับพิซซ่าคนละถาด ซึ่งเสิร์ฟพร้อมกับอาหารหลายชนิดแล้ว จึงทำให้เกิดการเหลือขึ้น ปริมาณพิซซ่าที่เหลือนั้นมันเยอะมากจนผมสามารถเก็บไปรับประทานได้อีกมื้อหนึ่งเลยนะ ผมแสดงเจตจำนงว่าอยากได้พิซซ่าเหล่านั้นกลับไปรับประทานต่อในที่พัก แต่วัฒนธรรมญี่ปุ่นเขาไม่มีการห่ออาหารกลับบ้านเหมือนประเทศไทย ภาชนะที่พอใส่อาหารกลับไปได้ก็ไม่ได้พกติดตัวมา เลยถามทางร้านว่าสามารถห่ออาหารกลับบ้านได้ไหม? และแน่นอนครับว่าไม่ได้…

ผมรู้สึกเศร้าเสียใจมากที่พิซซ่าที่เหลือบนโต๊ะกว่าสิบชิ้นจะต้องลงเอยอยู่ในถังขยะ แทนที่มันจะได้กลายเป็นพลังงานให้ผมในยามดึก…

(สาเหตุที่ร้านอาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่มีบริการห่ออาหารกลับบ้าน เพราะพวกเขาเชื่อว่า หากเก็บอาหารเหลือไปรับประทานใหม่ในภายหลังจะทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้…)

รูปพร้อมลายเซ็นของสาวๆ Kamen Rider GIRLS ในร้าน

และผมก็ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในอีก 2 ปีให้หลัง มาคนเดียว แล้วเปิด Google Map จากนั้นก็เดินไปตามที่มันบอก แป๊บเดียว ถึงเลย… โอ้โห… หนังคนละม้วนกับสองปีที่แล้วเลย พอมาถึง ผมก็เดินเข้าไปที่ลิฟท์เลย แต่พนักงานต้อนรับด้านล่างก็เข้ามาเบรก แล้วให้เรานั่งรอก่อน อีก 5 นาทีข้างหลัง ผมก็ได้ขึ้นไปที่ร้าน

เอกลักษณ์เด่นของร้าน นั่นก็คือบัลลังก์ของหัวหน้าช็อคเกอร์ที่ตั้งอยู่ข้างในร้าน

ร้านโล่งมาก มีลูกค้าเพียงไม่กี่โต๊ะ ผมเข้าไปนั่งตรงโต๊ะที่เขาจัดไว้ให้ อืม… ที่เขาเบรกเราก่อนคงจะเป็นเพราะว่ายังไม่ได้จัดโต๊ะสินะ และเมื่อพนักงานรู้ว่าผมเป็นชาวต่างชาติ ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้เลย เขาเลยเดินออกไป และกลับมาอีกครั้งกับใบเคลือบพลาสติกอะไรสักอย่าง เขาวางมันข้างหน้าผม แล้วเอานิ้วจิ้มลงไป ผมมองไปที่นิ้ว พบว่าเขากำลังจิ้มไปที่ประโยคหนึ่ง ซึ่งเขียนด้วยภาษาญี่ปุ่นพร้อมกับคำแปลที่เป็นภาษาอังกฤษ และทั้งแผ่นก็จะมีอีกสารพัดประโยคที่เขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นและกำกับด้วยคำแปลภาษาอังกฤษ โห… โคตรเฉียบ!! มันเป็นวิธีการสื่อสารกับลูกค้าต่างชาติโดยที่พนักงานไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะทางภาษาอังกฤษให้ปวดสมองเลย… คนญี่ปุ่นเขาไอเดียดีนะ แถมยังเป็นไอเดียธรรมดาที่คาดไม่ถึงอีกต่างหาก…

กาแฟเย็น(ที่มีรสพริกอ่อนๆ…) หนึ่งในเครื่องดื่มพิเศษของแคมเปญภาพยนตร์ฤดูร้อนของมาสค์ไรเดอร์เอ็กซ์เซด พร้อมกับเข็มกลัดลายมาสค์ไรเดอร์เก็นมุที่ได้จากการจับฉลาก

ผมสั่งอาหารเป็นข้าวแกงกะหรี่ และก็เครื่องดื่มพิเศษ(อีกแล้ว…)ในแคมเปญของภาพยนตร์ฤดูร้อนของมาสค์ไรเดอร์เอ็กซ์เซด(ช่วงที่ไปมันฉายอยู่ไง) ซึ่งเมื่อสั่ง 1 แก้ว ก็จะได้สิทธิ์จับฉลากเพื่อสุ่มรับเข็มกลัดของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ผมสั่งเครื่องดื่มประจำคาแร็คเตอร์ของมาสค์ไรเดอร์เก็นมุ ซึ่งเป็นกาแฟเย็นที่ตกแต่งด้านบนด้วยวิปครีม เวเฟอร์ที่เป็นรูปจงอยผมของเก็นมุ และพริก(ครับ พริกจริงๆ แถมตัวน้ำกาแฟดันมีรสเผ็ดอ่อนๆด้วยนะ…) หลังจากที่พนักงานนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟได้สักพัก เขาก็ได้เดินกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับกล่องใบใหญ่ 1 ใบ ให้ผมจับเข็มกลัดขึ้นมา โดยผมได้เข็มกลัดมาสค์ไรเดอร์เก็นมุ ซึ่งเป็นลายที่ผมอยากได้อยู่พอดีเลย ขนาดแอดมินเพจฮีโร่เพจหนึ่งมาขอซื้อต่อ ผมยังไม่ยอมขายเลย หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ผมก็สั่งเครื่องดื่มพิเศษมาอีกแก้ว คราวนี้เป็นน้ำพันซ์ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มประจำคาแร็คเตอร์ของมาสค์ไรเดอร์ฟูมะ ตัวร้ายประจำภาพยนตร์ และคราวนี้ผมได้เข็มกลัดของมาสค์ไรเดอร์พาราด็อกซ์(แล้วก็ได้แจกลูกเพจไปแล้ว เพราะบนไว้ว่าถ้าได้ซื้อบัตรคอนเสิร์ตจบการศึกษาของน้องคิดแคต จะยอมแจกเข็มกลัดตัวนี้…)

โปสเตอร์ภาพยนตร์พร้อมลายเซ็นต์ของนักแสดงหลักจาก
มาสค์ไรเดอร์ไดร์ฟ (ซ้าย) และ ภาพยนตร์อภิมหาสงครามมาสค์ไรเดอร์ (ขวา)

หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ ผมก็เดินดูรอบๆร้านไปเรื่อยๆ ซึ่งมีทั้งของสะสม ลายเซ็นต์ของเหล่านักแสดง ที่มีทั้งเซ็นต์กับกระดาษบ้าง กับโปสเตอร์บ้าง โดยเฉพาะโปสเตอร์มาสค์ไรเดอร์ไดร์ฟ ที่มีลายเซ็นต์ของฟุมิกะ บาบะ อยู่ตรงมุมขวา เดินวนทั้งร้านไปเรื่อยๆ จนเจอโต๊ะๆหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยสมุดที่มีหน้าปกเป็นรูปมาสค์ไรเดอร์ พร้อมกับกระบอกที่เต็มไปด้วยปากกาและดินสอสี ผมเปิดสมุดเล่มนึง พบว่าข้างในเต็มไปด้วยข้อความที่บรรดาลูกค้าพากันเขียนชื่นชมร้าน บ้างก็วาดแฟนอาร์ตของมาสค์ไรเดอร์ลงไปอย่างสวยงามด้วย ผมตัดสินใจหาสมุดที่คิดว่าเป็นสมุดที่ใหม่ที่สุด แล้วหยิบไปที่โต๊ะของตัวเองพร้อมกับปากกาและดินสอสีจำนวนหนึ่ง ผมเปิดดูหลายๆหน้าในสมุดไปเรื่อยๆอย่างเพลิดเพลิน จนเมื่อผมเจอหน้าว่าง ผมก็เขียนไปประมาณว่า ข้าพเจ้ามาเยือนนะฮาล์ฟ เดี๋ยวจะมาอีกแน่นอนฮาล์ฟ…และเขียนเป็นภาษาไทยด้วย

(เรื่องการเขียนอะไรไว้เป็นอนุสรณ์ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วยภาษาแม่ของเราไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรอกครับ เพียงแค่ควรใช้ประโยคการเขียนที่เหมาะสม และเขียนไว้ในพื้นที่ที่ทางเจ้าของหรือผู้ดูแลอนุญาตก็พอแล้วครับ)

ภาพวาดแฟนอาร์ตมาสค์ไรเดอร์ จากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ

สรุปค่าใช้จ่ายนะครับ ถ้ารับประทานแค่อาหาร 1 อย่าง กับเครื่องดื่ม 1 แก้ว หรือจะสั่งเป็นอาหารชุดก็ดี ราคาจะเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000-3,000 เยนเท่านั้นครับ ค่าใช้จ่ายอาจจะแพงขึ้นตามการบริโภคของแต่ละคน ร้านจะเปิดตั้งแต่ 11.30 จนถึง 23.00 นะครับ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและแคมเปญใหม่ๆของทางร้านได้ทางเว็บไซต์ https://www.paselaresorts.com/collaboration/rider/index.html หรือถ้าใครที่เล่น Twitter ก็สามารถเข้าไปติดตามข่าวสารได้ที่ @RiderDiner ได้เลยครับ

บัลลังก์ของหัวหน้าช็อคเกอร์ ซึ่งเป็นแลนด์มาร์คที่หลายคนจะเข้ามานั่งถ่ายรูป

หลังที่ไปมาสองครั้ง รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นทุกครั้งที่มา การได้มารับประทานอาหารในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสิ่งที่เราชอบ มันทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากเลยนะ พอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่ชอบเลี้ยงแมวแล้วไปคาเฟ่แมวแล้วล่ะ อารมณ์คงจะคล้ายๆกัน แต่ไปญี่ปุ่นครั้งล่าสุดนี้ไม่มีโอกาสกลับไปเลย เพราะตารางเที่ยวแน่นมาก… แต่ในอนาคตเดี๋ยวจะกลับไปใช้บริการอีกแน่นอน สำหรับแฟนๆของมาสค์ไรเดอร์ที่มีโอกาสไปเที่ยวที่โตเกียว อยากให้ลองไปใช้บริการกันสักครั้ง รับรองฟินแน่นอนครับ

เมนูพิเศษในปัจจุบัน ของแคมเปญฉลองครบรอบ 20 ปีเฮเซไรเดอร์ และการปรากฎตัวของมาสค์ไรเดอร์เบลดในซีรีส์มาสค์ไรเดอร์จิโอ โดยแคมเปญนี้จะมีถึงวันที่ 24 เมษายนนี้เท่านั้น
About Pan Yoshizumi 118 Articles
นอกจากซูเปอร์ฮีโร่จะเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบแล้ว ผมยังชอบไอดอลสาว และการท่องโลกอีกต่างหาก....