หากเปรียบการสร้างหนังหรือซีรีส์ซักเรื่องเป็นเหมือนร้านอาหารซักร้านนึง นักแสดงคือวัตถุดิบที่คัดมาอย่างดี มือเขียนบทคือผู้กำหนดวิธีการรังสรรค์ให้เมนูอาหารออกมาตามที่ลูกค้าต้องการ แต่ผู้ที่จะรีดเอาทุกขั้นตอนให้ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือพ่อครัวหรือ “ผู้กำกับการแสดง” นั่นเอง
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับผู้กำกับสายบู๊ที่ครองใจแฟน ๆ โทคุซัทสึมาแล้วหลายต่อหลายซีรีส์ งานของเขาเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง รวมไปถึงเสียงตอบรับในแง่บวกเสมอ … ซากาโมโต้ โคอิจิ
ซากาโมโต้ โคอิจิ (坂本浩一) เกิดเมื่อ 29 กันยายน 1970 พื้นเพเป็นคนโตเกียวโดยกำเนิด ครอบครัวประกอบอาชีพอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอะลูมิเนียม ในวัยเด็กเป็นคนที่รักในภาพยนตร์แนวบู๊แอคชั่น ซึ่งชายผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเค้าในวัยเด็กก็คือ “เฉินหลง” (จากภาพยนตร์เรื่องไอ้หนุ่มหมัดเมา) นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจ้าตัวอยากเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นสตันท์แมน
เมื่อจบมัธยมปลาย ฝันก้าวแรกก็เริ่มกลายเป็นจริงเมื่อเจ้าตัวมีโอกาสได้เข้าฝึกในทีมของสตันท์มืออาชีพ และรับงานชิ้นแรกก็คือเป็นสูทแอคเตอร์ (บลูมาสค์) รวมไปถึงใส่ชุดตุ๊กตาต่าง ๆ ในโตเกียวโดม หลังทำงานผ่านไปได้หนึ่งปี ก็ตัดสินใจบินลัดฟ้าสู่อเมริกาเพื่อเรียนภาษาและตามหาความฝันในโลกที่กว้างขึ้น
ระหว่างที่เรียนอยู่ในลอสแองเจลลีสนั้น ก็ได้พบกับ Jeff Pruitt ผู้กำกับภาพยนตร์แนวแอคชั่นอินดี้ที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกัน ซากาโมโต้ได้โอกาสทดลองตั้งทีมสตันท์เล็ก ๆ ของตนโดยมีชื่อว่า “อัลฟ่าสตันท์” จากนั้นก็เริ่มรับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในกลุ่มของผู้ผลิตภาพยนตร์ด้วยกัน
ทว่าเวลาที่ผ่านไป ปัญหาและความไม่ลงรอยกันระหว่างซากาโมโต้และ Jeff ก็ขัดแย้งมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดทั้งสองก็ประกาศแยกทางกัน แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกเมื่อ Saban Entertainment เชิญทั้งคู่มาสัมภาษณ์งานในตำแหน่ง Action Director เพื่อเริ่มต้นโปรเจกท์ “Power Rangers”
ในเมื่อประกาศไม่กินเส้นกันแล้ว ซากาโมโต้จึงปฏิเสธที่จะร่วมงานกับ Jeff แบบไม่มีเยื่อใย แต่สุดท้ายซากาโมโต้ก็ถูกดึงกลับมาในเฟรนไชส์ Power Rangers อีกครั้งกับงานคุมทีมสตันท์ในตอนที่ 78 แบบฉุกเฉิน เหตุเพราะ Jeff ไม่สามารถมาทำงานในวันนั้นได้
ด้วยฝีมือที่เข้าตากรรมการ ประกอบกับ Jeff ที่ออกแนวลีลาเพราะเห็นว่าค่าเหนื่อยไม่คุ้มกับที่ลงแรง (ตอนนั้น Power Rangers เริ่มดังแล้ว แต่ทีมงานยังได้ค่าเหนื่อยเท่าเดิม) ในที่สุด Saban ก็เชิญซากาโมโต้มารับหน้าที่ Action Director แบบเต็มตัว
หลังจากทำงานอย่างสุดความสามารถเป็นเวลาหลายปี Power Rangers ก็เปลี่ยนมือเจ้าของไปเป็น Disney ซึ่งซากาโมโต้เองในตอนนั้นถูกทาบทามให้ขึ้นแท่น Production Director เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อ่อ … อันนี้เล่าเพิ่มเติมนิดนึง ช่วงที่อยู่ในอเมริกาและทำงานกับ Saban ซากาโมโต้แต่งงานกับ Tamara Noland โปรดักชั่นเมเนเจอร์ของค่ายหนังทั่วไป มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน แต่สุดท้ายก็เลิกราเพราะความเข้ากันไม่ได้ ซึ่งหลังจากซากาโมโต้รับหน้าที่เป็นโปรดักชั่นไดเร็กเตอร์ให้กับดิสนีย์ในซีรีส์ของ Power Rangers : Wild Force เป็นต้นมา เค้าก็ย้ายที่ทำงานจากสตูดิโอใน LA ไปยังนิวซีแลนด์เพื่อเริ่มงานใหม่ กระทั่งได้พบกับ นางิโนะ โมโตโกะ เพื่อนร่วมอาชีพที่ทำงานเป็นสตันท์เช่นเดียวกัน ทั้งสองคบหากันในกองถ่ายและแต่งงานกันในปี 2002
ซากาโมโต้ร่วมงานกับดิสนีย์ในหลายตำแหน่ง ทั้งโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับหลัก หรือแม้แต่แอคชั่นไดเรกเตอร์ กระทั่งปี 2009 ที่ดิสนีย์ประกาศหยุดสร้างพาวเวอร์เรนเจอร์เหตุเพราะปัญหาสภาพคล่องรวมไปถึงความนิยมที่ลดลง ซากาโมโต้เลยถูกสึบูราญ่าตามตัวให้ไปร่วมงานในโทคุซัทสึที่เจ้าตัวมีโอกาสกำกับเป็นครั้งแรก Mega Monster Battle: Ultra Galaxy Legends The Movie
ผลตอบรับเป็นไปในด้านดี (เชื่อว่าใครดูมูฟวี่นี้แล้วก็ต้องชอบอ่ะ) หลังเสร็จงานก็แพลนที่จะกลับอเมริกาอีกครั้ง แต่ด้วยผลงานที่เริ่มดึงดูดเหล่าค่ายหนังที่ต้องมาขอให้ไปทำงานด้วย ชื่อของ “สึคาดะ ฮิเดอากิ” โปรดิวเซอร์มือทองของโตเอะในช่วงเวลานั้นก็ปรากฏขึ้นมาเป็นรายแรก เหตุเพราะเค้ามีเส้นสายกับทีมงานของ Power Rangers จึงสามารถสายตรงไปหาซากาโมโต้ก่อนใคร
และงานที่คุณฮิเดอากิมอบให้ก็คือ … Kamen Rider W
เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของคาเมนไรเดอร์ในยุคเฮเซย์เฟสสองเลยก็ว่าได้ เพราะทุกเสียงต่างยอมรับว่าคาเมนไรเดอร์ดับเบิลเป็นอะไรที่ลงตัว สนุก และโดนใจแฟนไรเดอร์รุ่นใหม่เป็นอย่างมาก หลังจากนั้นซากาโมโต้เองก็รับหน้าที่เป็นผู้กำกับในงานของคาเมนไรเดอร์เฟรนไชส์อีกมากมาย จนกระทั่งมาหยิบจับงานซุปเปอร์เซนไตชิ้นแรก “จูเด็นเซนไต เคียวริวเจอร์” ที่กลับมาร่วมงานกับ อ.ซันโจ ริคุ อีกครั้ง ซึ่งเป็นการปลุกกระแสซุปเปอร์เซนไตที่กำลังซบเซาให้กลับมาได้อีก 1 ปีเลยทีเดียว
(ติดตามต่อในตอนที่ 2)