5 เมษายน 1975
คือวันแรกที่ “ฮิมิทสึเซนไท โกเรนเจอร์” หรือขบวนการห้าสีที่คนไทยรู้จักกันดี ได้ออกฉายเป็นครั้งแรกทางสถานี NET (ปัจจุบันคือ TV ASAHI) โดยโทคุซัทสึเรื่องดังกล่าวถูกเรียกให้เป็น “เซนไตซีรีส์” หรือเรื่องราวการต่อสู้ของผู้กล้าที่มาเป็นกลุ่ม โดยมีพื้นฐานของความรัก ความสามัคคี รวมไปถึงการทำงานเป็นทีม เป็นแกนหลักในการดำเนินเรื่อง
เส้นทางของขบวนการห้าสีนั้นเกิดขึ้นมาไล่ ๆ กับตำนานนักสู้บนหลังอานมอเตอร์ไซค์อย่าง “คาเมนไรเดอร์” เพราะมีผู้สร้างคนเดียวกันก็คือ “อ.อิชิโนะโมริ โชทาโร่” นั่นเอง
– เดิมทีนั้นโกเรนเจอร์ + ขบวนการแจ็คเกอร์ ซึ่งเป็นผลงานของ อ.อิชิโนะโมริโดยตรงนั้น ไม่ได้ถูกนับเข้าไปอยู่ใน “ซุปเปอร์เซนไตซีรีส์” เพราะเป็นงาน Original ที่มาจาก อ.อิชิโนะโมริเพียงผู้เดียว
– ทว่าหลังจากได้สร้างแจ็คเกอร์ไปแล้วนั้น ความนิยมกลับดิ่งลงเหวอย่างไม่เป็นท่า เพราะเนื้อหาที่ดูจะจริงจังเกินไปหน่อย อีกทั้งผู้ชมรู้สึกว่าธีมของเรื่องมันไม่เหมาะกับเด็กๆ ซักเท่าไหร่ โตเอะที่เป็นสตูดิโอที่รับผิดชอบในการสร้าง ณ เวลานั้นจึงได้จับมือกับ MARVEL โดยหยุดสร้างซีรี่ย์ 1 ปีเพื่อเตรียมงาน
– และหลังจากฟอร์มทีมกับ MARVEL แล้ว จึงถือกำเนิดเฟรนไชส์ใหม่อย่าง “ซุปเปอร์เซนไตซีรีส์” ขึ้นมา โดยที่นับจากนี้ อ.อิชิโนะโมริไม่ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว ทว่ากลับได้ “ฮัทเตะ ซาบูโร่” มาเป็นผู้สร้างแทน (อ.อิชิโนะโมริ และฮัทเตะเป็นเพื่อนร่วมงานกันมานานครับ สองคนนี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคาเมนไรเดอร์อีกด้วย)
– MARVEL ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับการสร้าง และก็ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ เช่นการนำหุ่นยักษ์เข้ามาใช้ หรือการนำเอามุมกล้อง เทคนิค และดนตรีที่แปลกใหม่เข้ามาผสมกันจนได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ซึ่งการร่วมงานนั้นก็เกิดขึ้นในช่วงปี 1979 – 1981 (แบทเทิ่ลฟีเวอร์เจ – เดนจิแมน)
– กว่าที่โกเรนเจอร์ และแจ็คเกอร์จะถูกรวมเข้ามาในซุปเปอร์เซนไตซีรีส์ ก็ปาไปปี 1995 หรือขบวนการโอเรนเจอร์โน่นเลย ซึ่งในปีดังกล่าวก็ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวงการหนังแปลงร่างเช่นเดียวกัน เพราะเกิดโศกนาฏกรรมการปล่อยแก๊สซารินของลัทธิโอมชินริเกียว ซึ่งก็นำมาถึงการเปลี่ยนเนื้อหาของรายการเด็กให้ดูสดใสมากกว่าเดิม เพื่อลบภาพความโหดร้ายของเรื่องราวที่เกิดขึ้น (จากบทสัมภาษณ์เก่าๆ ว่ากันว่าโอเรนเจอร์จะมีเนื้อหาปวดตับพอสมควร) ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวก็ทำให้หนังแปลงร่างในยุคหลังๆ ลดทอนภาพของความโหดร้ายลงไปหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
– อีกเหตุการณ์ที่สำคัญก็คือปี 1993 ปีนั้น Saban ได้ซื้อลิขสิทธิ์ของซุปเปอร์เซนไตซีรีส์ “เคียวริวเซนไต จูเรนเจอร์” ไปสร้างและดัดแปลงใหม่เพื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมของตน จนกลายเป็น Power Rangers Series เรียกได้ว่าเป็นการปลุกกระแสหนังแปลงร่างให้โด่งดังไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ Power Rangers ก็ถูกสร้างมาอย่างต่อเนื่องอีกเช่นกัน โดยล่าสุดนั้นก็เปลี่ยนมือเจ้าของมาเป็นผู้ผลิตของเล่นยักษ์ใหญ่อย่าง Hasbro
มาติดตามกันต่อไปครับ ว่าทีวีซีรีส์ที่ถูกสร้างมายาวนานจะไปไกลได้มากน้อยแค่ไหน แล้วผู้อ่านล่ะ โตมากับหนังแปลงร่างเรื่องอะไรกันบ้างครับ?